Hot Topic!

ร.ฟ.ท.อ่วม! ผ่อนค่าโง่ 'โฮปเวลล์' กระทบแผนฟื้นฟู-อาคม ยันไม่ชะลอโครงการใหม่

โดย ACT โพสเมื่อ Apr 24,2019

- - ขอบคุณข้อมูลจาก ผู้จัดการออนไลน์ - -

 

บอร์ดร.ฟ.ท.ถก26 เม.ย.นี้ หา แนวทางผ่อนชำระหนี้ค่าโง่โฮปเวลล์ “อาคม” ยอมรับกระทบฐานะการเงิน อาจต้องรื้อแผนฟื้นฟู รฟท. ย้ำไม่เบรกแผนเมกะโปรเจ็กต์ ย้ำรัฐบาลนี้ลงทุนพัฒนาโครงการและพัฒนาที่ดินช่วยเพิ่มผลตอบแทน


นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวภายหลังเรียกผู้บริหารและฝ่าย อนาบาล(กฎหมาย) การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) รายงานข้อมูลเบื้องต้น จากกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษา ให้กระทรวงคมนาคม โดย ร.ฟ.ท. คืนเงินชดเชยให้แก่บริษัท โฮปเวลล์ จากการบอกเลิกสัญญารวมเป็นเงิน 11,888 ล้านบาท โดยไม่รวมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ว่าจะมีผลกระทบต่อร.ฟ.ท.อย่างไรบ้าง โดยขณะนี้ยังไม่ได้เสนอแนวทางที่จำดำเนินการที่ชัดเจนแต่อย่างใด 


เนื่องจาก จะต้องให้คณะกรรมการ (บอร์ด) ร.ฟ.ท.ที่มีนายกุลิศ สมบัติศิริ เป็นประธานประชุมในวันที่ 26 เม.ย.นี้ก่อน โดยบอร์ดจะพิจารณาผลจากคำพิพากษา และแนวทางที่ร.ฟ.ท.จะดำเนินการหลังจากนี้ เนื่องจาก คำสั่งศาลให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 180 วัน จึงให้เร่งสรุปรายงานกระทรวงคมนาคม เพื่อจะได้รายงานต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.) โดยเร็ว 


โดยร.ฟ.ท.จะต้องดูว่า วงเงินค่าชดเชย เป็นเท่าใด เพราะมีทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย ดูฐานะการเงินของ ร.ฟ.ท.ด้วยว่ามีขีดความสามารถชำระได้แค่ไหน และหาแนวทาง ซึ่งอาจจะต้องขอเจรจาเพื่อผ่อนชำระ เป็นต้น 


ทั้งนี้ โครงการโฮปเวลล์เป็นนโยบายของรัฐบาล เมื่อมีผลออกมาแบบนี้ ร.ฟ.ท.สามารถเสนอขอให้รัฐช่วยเหลือค่าชดเชยด้วยก็ได้ อย่างไรก็ตาม การมีภาระหนี้เพิ่ม จากเดิมที่ร.ฟ.ท.มีหนี้สะสมอยู่แล้วกว่า 1 แสนล้านบาท ร.ฟ.ท. อาจต้องทบทวนแผนฟื้นฟูใหม่ด้วย

 

สำหรับการลงทุนโครงการต่าง ๆ ของ ร.ฟ.ท.ในขณะนี้นั้น นายอาคมกล่าวว่า จะไม่มีผลกระทบ โดยต้องเดินหน้าต่อ ตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดเนื่องจาก นโยบายของรัฐบาลชุดนี้ ต้องการเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพราะมีความจำเป็นต่อการเพิ่มขีดความสามารถของประเทศ ดังนั้นจะต้องแยกส่วนกันจากเรื่องโฮปเวลล์ อีกทั้ง แนวทางการลงทุนโครงการ จะ มีการพัฒนาพื้นที่ ซึ่งสร้างมูลค่าผลตอบแทนเพิ่มให้กับโครงการอีกด้วย

 

 

 

#ร่วมเป็นคนไทยตื่นรู้สู้โกง

#ACTองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน

 

Follow LINE: http://bit.ly/2luX9Dt
Follow Facebook: http://bit.ly/2z1Dxvw