Hot Topic!

สตง.กำลังเล่นอะไร บทบาทสตง.แน่หรือ?

โดย ACT โพสเมื่อ Mar 28,2017

ยังคงเป็น Talk of the Town สนั่นเมือง...

กับเรื่องที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้กระทรวงการคลังและกรมสรรพากรไล่เบี้ยจัดเก็บภาษีเงินได้จากการขายหุ้นชินคอร์ปของอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตรออกไปให้กองทุนเทมาเสกเมื่อปี 2549 ที่นัยว่ามีการเล่นแร่แปรธาตุในการขายหุ้นจนท้ายที่สุดศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองสั่งริบเงิน 46,000 ล้านบาทจาก 73,000 ล้านบาทเข้าแผ่นดินไปก่อนหน้า

แต่นัยว่ายังมีควันหลงของเงินได้จากการขายหุ้นอีกกว่า 1.6 หมื่นล้านซึ่งจะต้องยื่นสำแดงภาษีด้วยแม้ที่ผ่านมากรมสรรพากรจะยืนยันนั่งยันว่าคดีดังกล่าวได้ยุติลงไปแล้ว แต่เมื่อสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)ลุกขึ้นมาฟ้อนเงี้ยวไล่บี้คลังและกรมสรรพากรให้เร่งรัดดำเนินการไล่บี้ภาษีหุ้นชินในทุกวิถีทาง หากปล่อยให้คดีความหมดอายุลงจะต้องร่วมกันรับผิดชอบฐานทุจริตต่อหน้าที่ตาม ม.157 ก็ทำเอาคลังและสรรพากรงานนั่งไม่ติดต้องวิ่งโร่ให้"เนติบริกร" นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯหาทางออกให้ ก่อนจะถึงบางอ้อให้มีการตีความหมายเรียกประเมินภาษีในอดีตที่กรมสรรพากรเคยส่งไปให้บุตรชายและบุตรสาวของอดีตนายกฯทักษิณให้มาชำระภาษีเงินได้จากการขายหุ้นในครั้งนั้นที่แม้ว่าศาลภาษีอากรจะยกฟ้องด้วยเห็นว่าทั้งคู่เป็นแค่นอมินีไม่ใช่เจ้าของหุ้นที่แท้จริง แต่ก็ให้ถือว่าเป็นหมายเรียกที่ส่งไปยังอดีตนายกฯทักษิณในฐานะตัวการด้วย เป็นการตีความกฎหมายที่ใช้"อภินิหารของกฎหมาย-Miracle of Law" ที่ทำเอาใครต่อใครได้แต่อึ้งกิมกี่เห็นผลงานของ สตง.ที่ออกโรงไล่เบี้ยบีบคลังและกรมสรรพากรจนหน้าเขียวต่อกรณีไล่เบี้ยภาษีหุ้นชินคอร์ป 1.6 หมื่นล้านข้างต้นแล้ว ก็ให้นึกย้อนไปถึงเรื่องของเงินรายได้จากการใช้งานคลื่นความถี่ 1800 เมกกะเฮิร์ตซ์(MHz) ในช่วงมาตรการเยียวยาภายหลังสิ้นสุดสัญญาสัมปทานของบริษัททรูมูฟ จำกัด ตามประกาศกสทช.เมื่อปี 2556 ที่นัยว่าจนป่านนี้คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม(กทค.)และกสทช.ยังปิดบัญชีไม่ลง

ล่าสุดนั้นทางเลขาธิการ กสทช.ได้ปลดล็อคผ่าทางตันปัญหาดังกล่าวด้วยการร้องขอให้ สตง.เข้ามารับหน้าเสื่อเป็น"ท้าวมาลีวราช" สางปัญหานี้ให้โดยตั้งคณะทำงานประเมินรายได้จากการใช้งานคลื่นความถี่ดังกล่าวให้เองและให้ กสทช.ส่งข้อมูลรายละเอียดต่างๆ ไปให้เพื่อจะได้เคาะโต๊ะชี้ขาดให้เอง

นัยว่าเรื่องของเรื่องที่มันเป็นปัญหานั้น ก็เพราะหลังคณะทำงานติดตามและประเมินรายได้จากการใช้งานคลื่นความถี่ 1800 MHz ในช่วงมาตรการเยียวยาที่กทค.ตั้งขึ้นเคาะตัวเลขรายได้ที่ 2 บริษัทเอกชนผู้ให้บริการคือบรษัท ทรูมูฟ จำกัดและดีพีซีต้องนำส่งเข้ารัฐรวมทั้งสิ้น 14,868 ล้านบาทแยกเป็นของทรูมูฟ 13,939 ล้านบาท และดีพีซี 768 ล้านบาท แต่บริษัทเอกชนนั้นได้ร้องแรกแหกกระเชออ้างว่าสูงเว่อร์กันไป ทำให้สำนักงาน กสทช.ตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองขึ้นมาทบทวนใหม่ก่อนสรุปตัวเลขใหม่ที่ 1,509 ล้านบาทเศษเท่านั้นแตกต่างกันกว่า 12,000 ล้านบาท

ตัวเลขปริศนาที่แตกต่างกันกว่าหมื่นล้านบาทดังกล่าวจึงทำเอากทค.และกสทช.ไปไม่เป็น ไม่กล้าชี้ขาดเพราะอาจเรียกแขกให้งานเข้าฐานเอื้อประโยชน์เอกชน จึงต้องวิ่งรอกสอบถามความเห็นไปทั่วสารทิศรวมทั้งการดึง สตง. ซึ่งไม่ได้รู้อิโหน่อิเหน่อะไรกับเขาด้วยให้เข้ามารับหน้าเสื่อผ่าทางตันให้

ทำเอาหลายฝ่ายตั้งข้อกังขาบทบาทของสตง.ที่มีต่อเรื่องนี้ เพราะมันช่างตรงกันข้ามกับกรณีไล่เบี้ยภาษีชินคอร์ปข้างต้นเหลือกำลัง ทั้งที่เดิมพันผลประโยชน์ของรัฐในครั้งนี้สูงกว่า 12,000 ล้านบาทพอๆ กับเม็ดเงินภาษีที่คลังและสรรากรกำลังพลิกช่องสรรหากฎหมายสารพัดมาไล่เบี้ยเอานั่นแหล่ะ

คงต้องเตือนสติไปยังท่านผู้ว่าการ สตง. ขนาดกรณีที่ผู้อำนวยการไทยพีบีเอสดอดเอาเงินขององค์กรไปซื้อหุ้นกู้บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหารหรือCPF ยังถูกสังคมตั้งข้อกังขาจนต้องไขก๊อกลาออกจากตำแหน่ง แต่กับสตง.ที่มีหน้าที่ตรวจสอบทุจริตโครงการหรือหน่วยงานรัฐกลับดอดลงไปคลุกฝุ่นตั้งโต๊ะเคาะผลประโยชน์เสียเองเช่นนี้ แถมบริษัทที่สตง.กำลังเอื้ออาทรให้อยู่นั้นก็อยู่ในเครือซีพีนั่นแหล่ะ มันใช่บทบาทของ สตง.แน่หรือ?

แบบนี้ไม่เรียกว่า "ดับเบิ้ลสแตดาร์ด" ก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้วจริงไม่จริงท่านประธานคตง.ที่เคารพ!

--สำนักข่าว พิมพ์ไทย วันที่ 28 มีนาคม 2560--