ประเด็นร้อน

เจาะทุจริตข้าวจีทูจีล็อต 2 เรียกค่าเสียหาย 2 หมื่นล้านเหลว

โดย ACT โพสเมื่อ Dec 24,2018

- - ขอบคุณข้อมูลจาก ฐานเศรษฐกิจ - -

 

โดย ศรีอรุณ จังติยานนท์

 

กว่า 6 ปีของมหากาพย์จำนำข้าว เริ่มใกล้ถึงตอนอวสานในการติดตามหาคนกระทำผิดมาลงโทษทุกขณะโดยผู้มีส่วนพัวพันมีทั้งอดีตนักการเมือง อดีตข้าราชการ และเอกชน ที่รวมหัวกันทุจริตโกงบ้านเมืองทำให้ได้รับความเสียหาย ซึ่งคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวสรุปโครงการมียอดขาดทุนสะสมกว่า 6 แสนล้านบาท

 

ขณะที่คดีขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี ในล็อตแรก จำนวน 4 สัญญา ปริมาณข้าว 7.2 ล้านตัน มูลค่า 6.9 หมื่นล้านบาทนั้น ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้พิพากษาเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม จำคุกนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวเป็นเวลา 42 ปี นายภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ จำคุก 36 ปี นายอภิชาติ จันทร์สกุลพรหรือ "เสี่ยเปี๋ยง" จำคุก 48 ปี รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 28 ราย ได้รับโทษลดหลั่นกันไปตามพฤติการณ์ความร้ายแรงแห่งการกระทำความผิด โดยให้จำเลยบางส่วนชดใช้ค่าเสียหายแก่กระทรวงการคลัง และให้ยกฟ้องจำเลยบางส่วน ขณะที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีถูกพิพากษาจำคุก 5 ปี ไม่รอลงอาญา ฐานความผิดละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ยังเผ่นหนีลอยนวล

 

จีทูจีล็อต 2 จ่อชี้มูล

 

มาถึงคดีข้าวจีทูจีล็อตที่ 2 จำนวน 8 สัญญา ปริมาณข้าว 14 ล้านตันมูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาท ที่กระทรวงพาณิชย์ได้ขายข้าวสารในสต๊อกให้กับรัฐวิสาหกิจของจีน แต่ไม่ใช่บริษัทที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐบาลกลางของจีนให้ทำสัญญาซื้อขายกับไทยนั้น ล่าสุดคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยพล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. เผยถึงความคืบหน้าว่า ปัจจุบันมีอนุกรรมการ 2 ชุดร่วมกันไต่สวนอยู่ ซึ่งมีความคืบหน้าไปมากแล้ว จากการไต่สวนเริ่มต้นพบพยานหลักฐานเพียง 1-5 คน แต่พอไต่สวนไประยะหนึ่งพบมีบุคคลที่ 6-8 เข้ามาเกี่ยวข้อง จึงมีการเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ขอให้มีมติไต่สวนเพิ่มเติม

 

ทั้งนี้ ตามระเบียบ ป.ป.ช. อนุกรรมการไต่สวนจะต้องแจ้งให้ผู้ที่ถูกกล่าวหาทราบว่า มีข้อขัดข้องหรือจะคัดค้านหรือไม่ เพราะเป็นสิทธิของผู้ถูกกล่าวหา และผู้ถูกกล่าวหามีสิทธิที่จะให้ปากคำ รวมถึงยื่นพยานหลักฐาน ถือว่าเป็นไปตามขั้นตอน ซึ่งในเบื้องต้นอาจมีคนอยู่ในเครือข่ายที่ถูกกล่าวหาเพียงเท่านี้ แต่หากมีการไต่สวนแล้ว พบพยานหลักฐานเพิ่มมากขึ้น ป.ป.ช.จะไต่สวนเพิ่มเติม ถือเป็นปกติในการดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นทาง ป.วิ อาญา หรือการไต่สวนของป.ป.ช. และคดีนี้เป็นส่วนที่ 2 เพราะคดีข้าวจีทูจี มีกว่า 10 สัญญา มีการดำเนินคดีไปแล้ว 1 กลุ่ม และกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ 2 ที่ยังไม่มีการดำเนินคดี เพราะเป็นส่วนของตัวสัญญาของการขายข้าว ทั้งนี้คาดคดีนี้จะสามารถเข้าสู่การวินิจฉัยเพื่อชี้มูลความผิดได้ในปลายปีนี้

 

เรียกค่าเสียหาย 2 หมื่นล.เหลว

 

สำหรับกระทรวงพาณิชย์ที่เป็นต้นเรื่องของมหากาพย์ทุจริตจำนำข้าว และข้าวจีทูจีนั้น แหล่งข่าวกล่าวว่า ที่ผ่านมากรมการค้าต่างประเทศได้มีการประชุมเพื่อสรุปรายชื่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งมีตั้งแต่ระดับปฏิบัติการไปจนถึงระดับผู้บริหาร แต่ทั้งนี้ต้องมาดูในรายละเอียดว่าเกี่ยวข้องในส่วนใดบ้าง เพราะโครงการรับจำนำข้าวถือเป็นโครงการตามนโยบายของรัฐบาลที่ข้าราชการต้องดำเนินการตามคำสั่ง ซึ่งในข้อเท็จจริงผู้บริหารในกระทรวงพาณิชย์ใครๆ ก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งในเรื่องนี้ แต่เมื่อเรื่องเกิดขึ้น แล้วทางกระทรวงก็ได้เตรียมเอกสารพร้อมหากป.ป.ช.ร้องขอมา

 

"แค่การเซ็นหนังสือเรียกค่าเสียหายขายข้าวจีทูจีกับนักการเมืองและข้าราชการ 6 รายมูลค่า 2 หมื่นล้านบาทในล็อตแรกก็มีการโยนกันไปมา ตั้งแต่ยุคนางอภิรดี ตันตราภรณ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หลังจากที่นายกรัฐมนตรีได้มอบให้มีอำนาจลงนามเรียกค่าเสียหาย แต่รัฐมนตรีก็ยืดเยื้อไม่ยอมลงนาม จนต้องโยนมาให้ ปลัดกระทรวงพาณิชย์คือ คุณชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ในขณะนั้น ให้เป็นผู้ลงนามในคำสั่งทางปกครองเรียกค่าเสียหายแทนรัฐมนตรี ซึ่งปลัดอ้างว่ารอคำสั่งก่อน ก่อนจะลากยาวจนเกษียณอายุราชการ จนมาถึงยุคนางสาววิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ (ปลัดกระทรวงพาณิชย์ในขณะนั้น) ก็บอกว่าเพิ่งเข้ารับตำแหน่ง เรื่องการฟ้องร้องค่าเสียหายข้าวจีทูจี ตนไม่ได้เป็นผู้ดำเนินการมาตั้งแต่ต้น จึงไม่ได้รับรู้รายละเอียด

 

อย่างไรก็ดี หลังจากทนแรงกดดันไม่ไหว รัฐมนตรี "อภิรดี" ได้ยอมเซ็นลงนามในหนังสือเรียกค่าเสียหายขายข้าวจีทูจีกับนักการเมืองและข้าราชการ 6 ราย มูลค่า 2 หมื่นล้านบาท

 

ประกอบด้วยนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ต้องชดใช้ค่าเสียหาย 1,770 ล้านบาท, นายภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ 2,300 ล้านบาท ส่วนพ.ต.ท.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายมนัส สร้อย พลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตรองอธิบดีกรมการค้าต่าง ประเทศ นายอัครพงศ์ ทีปวัชระ อดีตผู้อำนวยการสำนักการค้าข้าวต่างประเทศ ต้องชดใช้ค่าเสียหายคนละ 4,000 ล้านบาท

 

ผู้ส่งออกผวาถูกดึงร่วม

 

ด้านผู้ส่งออกนายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า ในเรื่องคดีจำนำข้าวมีสมาชิกสมาคมเกี่ยวข้องหลายบริษัท ซึ่งใครจะมีส่วนเกี่ยวข้องในการทำความผิด หรือถูกลงโทษอย่างไรนั้น ทุกฝ่ายต้องไม่ลืมว่าโครงการรับจำนำข้าวเป็นนโยบายของรัฐบาลถ้าผู้ประกอบการไม่ซื้อข้าวในโครงการแล้วจะให้ไปซื้อที่ไหน? เพราะชาวนาเองเอาข้าวมาจำนำกับรัฐบาล ซึ่งบางทีก็ไม่แฟร์กับผู้ประกอบการเช่นกัน

 

 

 

 

 

 

#ร่วมเป็นคนไทยตื่นรู้สู้โกง

#ACTองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน

 

Follow LINE: http://bit.ly/2luX9Dt
Follow Facebook: http://bit.ly/2z1Dxvw