ประเด็นร้อน

ต้านทุนผูกขาดดิวตี้ฟรี

โดย ACT โพสเมื่อ Feb 21,2019

- - ขอบคุณข้อมูลจาก ฐานเศรษฐกิจ - -

 

จี้ทอท.เปิดเสรี แยกสัญญา 4 สนามบิน

 

TDRI แนะ 2 ทางออกกันผูกขาด

 

ทีดีอาร์ไอ-องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน-สมาคมค้าปลีก ค้าน ทอท.รวบประมูลดิวตี้ฟรี พื้นที่เชิงพาณิชย์ 4 สนามบิน สุวรรณภูมิ เชียงใหม่ ภูเก็ต หาดใหญ่ หวั่นรายเดียวกินรวบ พร้อมชี้ช่องเลิกผูกขาด แยกสัญญารายสินค้า

 

การประมูลดิวตี้ฟรีในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประเด็นร้อนที่หลายฝ่ายกำลังจับตามอง หลังธุรกิจนี้มีกลุ่มคิงเพาเวอร์ได้รับสัมปทานเพียงรายเดียว มาตั้งแต่เปิดสนามบินสุวรรณภูมิ ในปี 2548 ถึงตอนนี้เหลือเวลาอีก 1 ปีเศษที่สัญญาสัมปทานกลุ่มคิงเพาเวอร์ที่ทำไว้กับบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) หรือ ทอท. จะสิ้นสุดลงในเดือนกันยายน 2563 คาดว่าฝ่ายบริหาร ทอท. จึงได้เสนอเรื่องดังกล่าวให้ที่ประชุมคณะกรรมการทอท. พิจารณา ว่าจะนำสัญญาสัมปทานดิวตี้ฟรีสนามบินภูมิภาคอีก 3 แห่ง คือ เชียงใหม่ ภูเก็ต หาดใหญ่ ที่จะหมดอายุพร้อมกันในปี 2563 มาเปิดประมูลรวมเป็นสัญญาเดียว กับดิวตี้ฟรีสุวรรณภูมิหรือไม่

 

ทีดีอาร์ไอค้านรวบประมูล

 

ดร.เดือนเด่น นิคมบริรักษ์ ผู้อำนวยการวิจัยด้านการบริหารจัดการระบบเศรษฐกิจ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ให้สัมภาษณ์กับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องการเมือง ดังนั้นฝ่ายการเมืองต้องชัดเจนว่าจะทำอย่างไรต่อไป แต่ถ้ามองในมุมเศรษฐกิจไม่เห็นด้วยที่จะรวบ 4 สนามบินเป็น 1 สัญญา เพราะแต่ละสนามบินมีลักษณะไม่เหมือนกัน การประมูลจึงควรแยกสัญญาเป็นของแต่ละสนามบิน หากรัฐต้องการผลตอบแทนที่ดีที่สุดจะต้องไม่พ่วงสัญญา

 

นอกจากนั้นแต่ละสนามบินก็ไม่ต้องการผู้ประกอบการรายเดียว เพราะสนามบินขนาดไม่เท่ากัน สิ่งแวดล้อมก็ต่างกัน ดังนั้นในการทำสัญญากับผู้ประกอบการรายเดียวก็เป็นไปได้สำหรับสนามบินเล็กๆ หากไม่ใช่สนามบินสุวรรณภูมิ แต่ถ้าเป็นสนามบินสุวรรณภูมิที่มีขนาดใหญ่ไม่เห็นด้วยหากจะมีสัญญาเดียวสำหรับผู้ประกอบการรายเดียว

 

"เรื่องนี้พิสูจน์มาจากหลายสนามบินในโลกที่มีขนาดใหญ่และเล็กกว่าสุวรรณภูมิก็มีหลายสัญญา อย่างเช่นสนามบินอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ที่มีขนาดของสนามบินเท่ากับสุวรรณภูมิก็มีหลายสัญญาสัมปทานดิวตี้ฟรี โดยแตกเป็นประเภทและหมวดหมู่ของสินค้า"

 

เสนอ 2 ทางออกป้องผูกขาด

 

สำหรับข้อดีของการแยกสัญญารายประเภทสินค้า คือ

 

1. จะทำให้มีสินค้าที่หลากหลายมากขึ้น เพราะหากเป็นผู้ประกอบการรายเดียวจะไม่ได้มีความเชี่ยวชาญในทุกสินค้า ดังนั้นผู้ประกอบการรายหนึ่งอาจจะเชี่ยวชาญเรื่องเครื่องสำอาง อีกรายเชี่ยวชาญเรื่องอิเล็กทรอนิกส์ อีกรายเชี่ยวชาญเรื่องเหล้าบุหรี่ เปรียบได้กับห้างสรรพสินค้า ทั้งห้างหากมีผู้ประกอบการรายเดียวก็อาจไม่ใช่ จึงมีผู้ที่ถนัดในแต่ละประเภทสินค้ามาเสนอขายสินค้าแต่ละประเภท

 

2. ผลตอบแทนกับรัฐจะได้มากขึ้น เงินที่นำส่งรัฐจะมากกว่าการให้สัมปทานรายเดียว เพราะสินค้าแต่ละแบบกำไรไม่เหมือนกัน ดังนั้นผลตอบแทนให้รัฐก็ไม่เท่ากัน เช่น บางรายถนัดสินค้าประเภท เหล้า บุหรี่ เครื่องสำอาง กำไรก็จะสูง 30-40% แต่กลับไม่ถนัดสินค้าประเภทเสื้อผ้า แต่ก็ต้องขายทั้งที่กำไรไม่สูง เมื่อนำกำไรมาถัวเฉลี่ยกำไรก็ทำให้ฉุดรายได้ลง การส่งรายได้เข้ารัฐก็น้อยลง แต่หากแยกสินค้าตามความถนัดของผู้ประกอบการโอกาสที่จะมีกำไรก็มากขึ้น แทนที่จะเฉลี่ยกำไรและขาดทุนในผู้ประกอบการรายเดียว รัฐเองก็จะได้รายได้มากขึ้นด้วย เพราะที่ผ่านมารายได้ของรัฐต่ำกว่าสนามบินอื่นอย่างมาก

 

ต้องเปิดประมูลอย่างโปร่งใส

 

ดร.มานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์การต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ไม่ติดใจว่าจะแยกสัญญาเป็น 4 สัญญาใน 4 สนามบิน หรือจะรวบเป็นสัญญาเดียว  แต่ถามว่ามีความจำเป็นอะไรต้องเหมา 4 สนามบิน ในทางธุรกิจจะทำให้บริษัทใหญ่มากเท่านั้นที่ได้เปรียบ เพราะมันคือการตัดคู่แข่งออกโดยไม่จำเป็น แต่ถ้ามั่นใจว่า ทำให้ ทอท. มีรายได้มากกว่า จูงใจให้เกิดการลงทุนดึงดูดรายได้จากนักท่องเที่ยวมากกว่า ก็ทำได้

 

อย่างไรก็ตามการเปิดสัมปทานดิวตี้ฟรีที่หลายประเทศทั่วโลกนิยมทำเพื่อให้เกิดการแข่งขันเต็มที่ คือการส่งเสริมให้มีผู้ประกอบการหลายราย ในแต่ละประเทศพบว่าเมื่อมีการแยกประเภทสัญญาตามประเภทสินค้าตามหมวดหมู่ของสินค้าจะทำให้สนามบินมีรายได้และผลตอบแทนมากขึ้น ดังนั้นควรส่งเสริมให้มีผู้ประกอบการหลายราย

 

ที่สำคัญความโปร่งใส ตรวจสอบได้ คือสิ่งที่องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันอยากเห็น มีข้อมูลอะไรก็เปิดเผยอย่างเต็มที่ และในเรื่องของการบริหารสัญญาอย่าให้พบในภายหลังว่าในสัญญาเขียนแล้วเปิดช่องทำให้มีการปฏิบัติที่ผิดเพี้ยนไปจากสัญญา หรือมีการเปิดช่องให้แก้ไขสัญญาได้ภายหลัง ดังนั้นคนที่รับผิดชอบต้องคิดว่านี่เป็นเรื่องที่ไม่ได้เป็นแค่สมบัติของหน่วยงาน แต่เป็นสมบัติและผลประโยชน์ของประเทศชาติ

 

ค้าปลีกจี้เปิดเสรีดิวตี้ฟรี

 

แหล่งข่าวระดับสูงจากสมาคมผู้ค้าปลีกไทย เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ไม่เห็นด้วยกับการรวม 4 สนามบินทั้งสนามบินภูเก็ต หาดใหญ่ เชียงใหม่และสุวรรณภูมิประมูลและให้สัมปทานรายเดียว แม้ว่าการให้สัมปทานรายเดียวในพื้นที่สนามบินภูเก็ต หาดใหญ่ และเชียงใหม่สามารถกระทำได้ เนื่องจากมีพื้นที่ราว 1,200 ตารางเมตรเท่านั้น แต่สนามบินสุวรรณภูมิมีขนาดใหญ่พื้นที่ราว 1.2 หมื่นตารางเมตร จึงไม่ควรให้สัมปทานรายเดียว และควรเปิดเสรีให้ทุกภาคส่วนสามารถเข้ามาแข่งขันได้อย่างเสรี ซึ่งจะทำให้ภาครัฐมีรายได้มากขึ้น

 

'ในแต่ละประเทศเมื่อมีการแยกประเภทสัญญาตามประเภทสินค้าตามหมวดหมู่ของสินค้าจะทำให้สนามบินมีรายได้และผลตอบแทนมากขึ้น

 

 

 

 

 

#ร่วมเป็นคนไทยตื่นรู้สู้โกง

#ACTองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน

 

Follow LINE: http://bit.ly/2luX9Dt
Follow Facebook: http://bit.ly/2z1Dxvw