ประเด็นร้อน

ซื้อ-ขายเก้าอี้ตำรวจเขย่า คสช. ปม 'เงินร้อน' ในวาระปฏิรูป

โดย ACT โพสเมื่อ Jun 19,2017

- - สำนักข่าว ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 19/06/60 - -
          
ฮี่ม เสียงคำรามของ "บิ๊กแป๊ะ" พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดาผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ฟ้อง "หมิ่นประมาท"นายวิทยา แก้วภราดัย อดีตรัฐมนตรี พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แกนนำ กปปส.ฐานทำให้ "วงการสีกากี" เสื่อมเสีย ชื่อเสียง มีการเรียกหาหลักฐาน-ใบเสร็จ ซื้อ-ขายตำแหน่งกลางมหาสมุทร คนซื้อ-คนขายต่างสมประโยชน์ ใครจะเอาแขนยื่นไปใส่กุญแจมือตัวเอง
          
ภายหลังอดีต ส.ส.พรรคสะตอออกมาแฉสีเทา ๆ ว่ามีการซื้อ-ขายเก้าอี้ในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 (บช.ภ.8) จนนายพลตำรวจภาค 8 "พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท" ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 8 (ผบช.ภ.8) คนคุ้นเคย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส. ถูกเด้งด่วนเข้ากรุให้มาช่วยงานที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.)
          
การออกมาทิ้งบอมบ์ใส่ "คนกันเอง" ของนายวิทยา อดีตแกนนำ กปปส. และการเด้งฟ้าผ่า ผบช.ภ.8 ยังพิสูจน์ทราบไม่ได้ว่า "บิ๊กแป๊ะ" ปฏิบัติการ "เอาคืน" เด็กในคาถานายสุเทพ หรือแตกหักกันเรื่อง "ปิดลับ" พูดในที่แจ้งไม่ได้
"เอาคืนเรื่องอะไร เอาเงินคืนหรือ" พล.ต.อ.จักรทิพย์ ตั้งใจหลุดปากขณะตอบคำถาม
"บิ๊กแป๊ะ" พล.ต.อ.จักรทิพย์ ออกอาการจริงจังแต่งตั้งให้ พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) ตรวจสอบข้อเท็จจริงภายใน 15 วัน
          
ทว่า "ลูกติดพัน" ที่ทำให้ "บิ๊กแป๊ะ" หัวร้อนสุด ๆ คือ การที่นายวิทยา "ซ้ำดาบสอง" แฉซ้ำ (ซาก) ว่า พื้นที่-ทำเลทองกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) มีการวิ่งเต้นซื้อ-ขายตำแหน่งสูงกว่าพื้นที่ถึง 2 เท่า ร้อนไปถึง "พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร" ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ที่กำลังจะเกษียณอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าให้มีมลทิน และกระทบชิ่ง ผบ.ตร.ที่นั่งบัญชาการบนปลายจมูก
"ผมยอมรับว่า ผมอยากเป็น ผบช.น. ที่ดีที่สุดคนหนึ่ง และถ้าใครมาพูดว่า พล.ต.ท. ศานิตย์ เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์เรื่องการแต่งตั้งโยกย้าย ผมจะฟ้องร้องให้ดู"

นอกจากนี้ยังมี "บุคคลนิรนาม" ที่เป็นผู้มีอิทธิพลวงการสีกากี ยศ "พล.ต.ต." แต่ใหญ่กว่า ยศ "พล.ต.อ." ในการทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้าย "นิคเนม" ว่า "โจ๊ก หวานเจี๊ยบ" ซึ่ง "บิ๊กแป๊ะ" พล.ต.อ. จักรทิพย์ระบุว่า "ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผมใหญ่ที่สุด" และออกมา เฉลยชื่อ "บุคคลนิรนาม" ด้วยตัวเองระหว่างแถลงข่าวเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.60
          
"โจ๊ก หวานเจี๊ยบ ก็คือ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้การ 191 ลูกน้องของผม ไม่มีอะไร แต่ยอมรับว่าบางครั้งได้ใช้งานให้ไปตรวจสอบข้อมูลบุคคลบ้าง ให้ไปเช็กทางลับ จึงอาจถูกเข้าใจผิดไม่เกี่ยวข้องในการทำบัญชี หน้าที่ของผู้การ 191 คือไปช่วยงานสนับสนุนโรงพัก ไปช่วยจับเด็กแว้น ปราบโจรออนไลน์ จับละเมิดสิทธิบัตร ไม่มีหน้าที่เกี่ยวกับการแต่งตั้ง"มิหนำซ้ำยังมีการ "ลากไส้" วงการสีกากี ที่มีการ "จัดเกรด" โรงพักในพื้นที่ "เกรดเอ-บี-ซี" บ่งบอกเป็นป้ายราคาซื้อ-ขายเก้าอี้จนถูกสังคมตั้งคำถามว่าทำไมถึงไม่สั่งตรวจสอบว่ามีการซื้อ-ขายเก้าอี้ตามที่นายวิทยากล่าวหา หรือไม่ เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน แต่กลับใช้กฎหมายปิดปาก จนถูกมองว่าการตั้งจเรตำรวจตรวจสอบข้อเท็จจริง ผบช.ภ.8 เพียงพิธีกรรม หรือ ตัดวงจรไม่ให้ลามถึงตัว-พวก
          
สะเทือนไปถึง "พี่ใหญ่" บิ๊กป้อม "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ" รองนายก รัฐมนตรี-รมว.กลาโหม เต็ม ๆ เพราะกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สุดท้าย "บิ๊กตู่" ต้องดับไฟร้อน ด้วยการสั่งสอบปมฉาวซื้อ-ขายเก้าอี้

"ผมก็รับเรื่องร้องเรียนมาบ่อยครั้ง ครั้งนี้จะได้จับให้มั่นคั้นให้ตาย ก็ให้ตรวจสอบทั้งหมด"
         
ที่ผ่านมาในยุครัฐบาล-คสช.วงการตำรวจถูกตั้งคำถามตัวโตอย่างเรื่อง การปฏิรูปตำรวจ ที่ไม่มีอะไรเป็นชิ้น เป็นอัน และก่อนหน้าที่ คสช.มีการออกคำสั่งมาก่อนหน้านั้นก็ไม่ได้เกิดขึ้นจากการปฏิรูปเชิงรุก แต่กลับกลายเป็นตั้งรับ-แก้เกี้ยว
ทั้งการออกคำสั่ง คสช.ยกเครื่องการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับสูงให้อำนาจ ผบ.ตร.ตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 21/2559 และ ที่ 7/2560
การฟ้อง "พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป" อดีตสมาชิก สปท. ที่ออกมาทิ้งบอมบ์ใส่แชตไลน์เรื่องการซื้อ-ขายตำแหน่งก่อนหน้านี้
การฟ้องนายสังศิต พิริยะรังสรรค์ สมาชิก สปท. และองค์กรต่อต้านการทุจริตในวงเสวนา "ตำรวจไทย มีไว้ทำอะไร"
ทั้งหมดล้วนเป็น "คนกันเอง" ที่ออกมา ถล่มรัฐบาล-คสช. และวงการสีกากี ทั้งนั้น การปฏิรูปตำรวจจึงเป็นก้อนกรวด ที่อยู่ในท็อปบูตรัฐบาล-คสช