ประเด็นร้อน

เจ้าหน้าที่ปปช.ล่าชื่อค้านให้อำนาจสตง.สอบทุจริต

โดย ACT โพสเมื่อ Oct 20,2017

   - - สำนักข่าวกรุงเทพธุรกิจ - -

 

เปิดรับสมัครกกต.วันแรก ยังเงียบเหงา ไร้คนเสนอตัว ส่วนการสรรหาเลขาฯป.ป.ช.ผ่านมาแล้ว 10 วัน มี "วรวิทย์" สมัครแค่รายเดียว ยันแม้จะเป็น "คนใน" แต่ไม่ใช่การล็อกสเปค เจ้าหน้าที่ป.ป.ช.ล่าชื่อชงกรธ. ขอตัดอำนาจผู้ว่าฯสตง.ตรวจสอบ สอบคน"ป.ป.ช." นายกฯเคาะตั้งกรรมการคุมการทำงาน กนจ. หวังแก้งานล่าช้า

         
พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง กรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการคัดเลือกบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการ  ป.ป.ช. เปิดเผยวานนี้ (19ต.ค.) ถึงความคืบหน้า หลังเปิดรับสมัครบุคคลเข้ารับการคัดเลือกโดยให้ยื่นใบสมัครด้วยตัวเอง ระหว่างวันที่ 6 - 24 ต.ค. ว่านับถึงปัจจุบันเพิ่งมีผู้เข้ามาสมัครรับคัดเลือกเพียง 1 รายเท่านั้น คือ นายวรวิทย์ สุขบุญ รองเลขาธิการป.ป.ช. ซึ่งรักษาราชการแทนเลขาธิการป.ป.ช.อยู่

         

ทั้งนี้ ป.ป.ช.ได้ประชาสัมพันธ์เผยแพร่ผ่านสื่อ เว็บไซต์ มีหนังสือไปถึงหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง องค์กรศาล องค์กรอิสระ เพื่อที่จะชักชวนให้บุคคลที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดเข้ามาสมัครรับคัดเลือก โดยให้ที่ผู้สนใจสามารถยื่นใบสมัครพร้อมแนบแบบเสนอเอกสารและหลักฐานด้วยตัวเองในวันและเวลาราชการ

         

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีรองเลขาธิการป.ป.ช.มาสมัครเพียงคนเดียวอาจจะถูกครหาว่าล็อกสเปคหรือไม่ พล.ต.อ.สถาพร กล่าวว่า คงไม่เป็นเช่นนั้น เพราะได้เปิดกว้างแล้วและที่ผ่านมาจากสถิติการรับสมัครเลขาธิการป.ป.ช. 2 ครั้งที่ผ่านมา มีคนในและคนนอกมาสมัครเพียง 2 คนเท่านั้น ดังนั้นในครั้งนี้คงต้องรอให้ถึงวันที่ 24 ต.ค.ก่อน อาจจะมีผู้มีคุณสมบัติมาสมัครเพิ่มได้

         

อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าถ้ามีผู้สมัครเพียงรายเดียวก็ไม่ถือว่าล็อกสเปค เพราะต้องผ่านการพิจารณาสรรหาตามหลักเกณฑ์

         

รับสมัครกกต.วันแรกยังเงียบ

         

ส่วนกรณีคณะกรรมการสรรหากรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เปิดรับสมัครบุคคลเข้ารับการสรรหาเป็นกกต.วันแรก บรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบเหงา ยังไม่มีบุคคลเข้ามายื่นใบสมัคร ซึ่งคณะกรรมการสรรหากำหนดกรอบคุณสมบัติสัดส่วนกกต. สายภาคประชาสังคมที่ทำงานมาอย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 20 ปีในกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ การพัฒนาประชาธิปไตย การมีส่วนร่วมทางการเมืองการต่อต้านการทุจริต และการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ เป็นต้น โดยต้องยื่นหลักฐานยืนยันว่าทำกิจกรรมดังกล่าวจริง เช่นรายงานการประชุม ภาพถ่ายกิจกรรมในช่วง 20 ปีติดต่อกัน

         

สำหรับเอกสารใบสมัครกกต.มีทั้งหมด 14 หน้า ผู้สมัครต้องกรอกรายละเอียดคุณสมบัติของตัวเองและอธิบายประสบการณ์ทำงาน ประวัติการศึกษา รวมถึงต้องตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับความเกี่ยวพันทางการเมือง นอกจากนี้ต้องอธิบายถึงความรู้ความสามารถ ความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เพื่อให้คณะกรรมการสรรหาใช้ในการพิจารณาคัดเลือกต่อไป

         

ล่าชื่อตัดอำนาจสตง.สอบปปช.

         

ขณะที่แหล่งข่าวป.ป.ช. เปิดเผยว่าเจ้าหน้าที่ป.ป.ช.ได้ส่งต่อข้อความในการลักษณะเป็นจดหมายเปิดผนึกเพื่อให้ร่วมกันลงชื่อเป็นการแสดงข้อคิดเห็นต่อกรณี  ที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) ยกร่างพระราชบัญญัติ สตง.มาตรา 7 วรรค 3  ที่ระบุว่า  หากตรวจพบว่าเจ้าหน้าที่ป.ป.ช.กระทำการทุจริตต่อหน้าที่ให้ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินมีอำนาจดำเนินการไต่สวนเบื้องต้น  แล้วให้แจ้งผลต่อคณะกรรมการป.ป.ช.หากมีมูลความผิดก็ให้คณะกรรมการป.ป.ช.ดำเนินการ

         

โดยมองว่าอาจทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.  ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต  และเกิดปัญหาความขัดแย้งขององค์กรบังคับใช้กฎหมายระหว่าง ป.ป.ช. และ สตง.

         

อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นเพียงขั้นตอนการไต่สวนเบื้องต้น  แต่อาจเป็นร่างที่มีเนื้อหาขยายขอบเขตหน้าที่อำนาจของผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินเกินกว่าที่รัฐธรรมนูญ  มาตรา 242 และมาตรา 244 กำหนด อีกทั้งยังขัดมาตรา 234 (2)

         

หวั่นกระทบประสิทธิภาพทำงาน

         

ทั้งนี้  ในการตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของสำนักงาน ป.ป.ช.  และเจ้าหน้าที่ของรัฐอื่นๆ โดยเฉพาะในการดำเนินคดีอาญา บุคลากรที่จะเป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบและดำเนินคดี  จะต้องเป็นผู้ที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมทางอาญาที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการดำเนินคดีอาญาดังนั้น การกำหนดให้ผู้ว่าสตง.เป็นผู้ตรวจสอบอาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่  โดยเฉพาะในหลักประกันในการให้ความเป็นธรรม

         

ดังนั้น เจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ช. ในฐานะผู้ปฏิบัติโดยตรง  จึงเห็นพ้องกับความเห็นของคณะกรรมการ ป.ป.ช.  ว่าร่างพ.ร.ป.สตง.ดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่   และเป็นเหตุให้ผู้ถูกกล่าวหาประวิงเวลาซึ่งมีอยู่จำกัดโดยการกลั่นแกล้งกล่าวหาพนักงานไต่สวนไปยังผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน  จึงเห็นควรตัดเนื้อหาของร่างมาตรา 7 วรรค 3 ออกทั้งวรรค

         

แหล่งข่าว กล่าวว่า ตามปกติ  มาตรการที่ใช้ควบคุมการทำงานของเจ้าหน้าที่ป.ป.ช.ตามกฎหมายที่ใช้บังคับในปัจจุบันนั้น มีอยู่หลายประการ อาทิ  มาตรการทางวัฒนธรรมองค์กร  ก็มีบทห้ามไม่ให้เข้าไปมีส่วนได้เสียในเรื่องที่ไต่สวน และในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ของสำนักงาน ป.ป.ช.  จะถูกควบคุมด้วยวัฒนธรรมองค์กร เช่น  การห้ามรับเลี้ยงหรือยุ่งเกี่ยวกับบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องกล่าวหาร้องเรียน

         

นายกฯตั้งซูเปอร์บอร์ดคุมกนจ.

         

วันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัด และกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.น.จ.)โดยกล่าวก่อนการประชุมว่า รัฐบาล และ คสช. มีแนวทางร่วมกัน ในการบริหารจัดการราชการแผ่นดินให้ระดับภาคเกิดความเข้มแข็ง โดยอยากให้ทุกอย่างเดินหน้าอย่างรวดเร็วขึ้นกว่าเดิมจากที่วางแผนไว้ จึงต้องมีการนำร่องในทางปฏิบัติ ตั้งแต่ปีงบประมาณนี้เป็นต้นไป

         

ส่วนกฎหมายที่เกี่ยวข้องก็จะพิจารณาอีกครั้ง เพราะหวังอยากให้ทุกอย่างเดินหน้าได้ตั้งแต่วันนี้ หากปล่อยเวลาล่วงเลยไปการแก้ไขปัญหาก็จะช้าลง

         

นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการ กพ. แถลงภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้พิจารณาการใช้อำนาจในมาตรา 4 วรรค 1 พ.ร.ฎ.ว่าด้วยการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ 2551 โดยจะต้องปรับระบบการทำงานของกนจ.เดิม จึงเห็นควรให้มีการแก้ไขพ.ร.ฎ.ดังกล่าวในบางประเด็น พร้อมเห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมการบูรณาการการบริหารงานในเชิงพื้นที่ หรือ กบพ. ทำงานเป็นซูเปอร์บอร์ด ซึ่งการทำงานจะมีความกระชับ แก้ไขปัญหาการทำงานในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ครอบคลุมการแบ่งพื้นที่ประเทศไทยเป็น 6 ภาค โดยจะดูแลการทำงานของกนจ.

 

 

 

 

#ACTองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน


Follow LINE: http://bit.ly/2vDtGHV
Follow Facebook: http://bit.ly/2x3oArO

 

 

 

WebSite : http://www.anticorruption.in.th