ประเด็นร้อน

งานวิจัยเพื่อเอาชนะคอร์รัปชัน

โดย ACT โพสเมื่อ Nov 13,2017

- - สำนักข่าวโพสต์ทูเดย์ - -

 

โดย : ดร.มานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)

         

ในฐานะเลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ผมได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการจัดทำยุทธศาสตร์ระดับชาติ เพื่อการเอาชนะคอร์รัปชั่นสองฉบับในขณะนี้

         

ยุทธศาสตร์แรก คือ "ยุทธศาสตร์ชาติด้านการป้องกันปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ" ที่จัดทำโดยคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการต่อต้านคอร์รัปชั่นเป็นยุทธศาสตร์ในแบบที่ทุกคนสามารถเข้าใจและนำไปปฏิบัติในทิศทางเดียวกันได้ สามารถเป็นเครื่องมือสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในการติดตามและประเมินให้เจ้าหน้าที่และหน่วยงานของรัฐต้องปฏิบัติอย่างสอดคล้องไปตลอดระยะเวลา 20 ปีข้างหน้า โดยจะมีร่างยุทธศาสตร์ออกเผยแพร่ภายในปลายปีนี้

         

ยุทธศาสตร์ที่สอง คือ "ยุทธศาสตร์การวิจัยรายประเด็นด้านคอร์รัปชั่น" ของ สนง. คณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ซึ่งถือว่าเป็นแนวคิดทางวิชาการที่ก้าวหน้ามากของบ้านเราและขณะนี้ใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว

         

งานวิจัยจะเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้เราเข้าใจรากเหง้าและพฤติกรรมของคอร์รัปชั่นได้ถ่องแท้กว่าปรากฏการณ์ที่เราเห็นหรือได้ยินได้ฟังมา ซึ่งจะทำให้สามารถหาทางแก้ไขปัญหาไปที่ต้นเหตุแท้จริงได้ งานวิชาการยังช่วยอธิบายประเด็นที่สับสน เช่น ความแตกต่างระหว่างสินน้ำใจกับสินบน ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กับการเอื้อประโยชน์พวกพ้อง อธิบายเงื่อนไขที่แตกต่างกัน เช่น ความแตกต่างในการคอร์รัปชั่นเชิงนโยบายของกระทรวงเกษตรฯ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงพาณิชย์ ประโยชน์สาธารณะกับคอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย ประโยชน์ส่วนรวมกับประโยชน์ส่วนตน อธิบายกลไกที่ก่อให้เกิดคอร์รัปชั่น เช่น การมีกฎหมาย กฎระเบียบที่ล้าสมัยและมากเกินจำเป็นผู้มีอิทธิพลต่อการเกิดคอร์รัปชั่นในรัฐวิสาหกิจ เป็นต้น

         

หลายทศวรรษที่ผ่านมาคอร์รัปชั่นมีการเปลี่ยนแปลงอย่างซับซ้อนตลอดเวลา งานวิจัยยังช่วยให้เราเข้าใจทิศทางของมัน เพื่อหาทางป้องกันก่อนที่จะเกิดความเสียหาย และช่วยให้เราสามารถคัดเลือกมาตรการที่นานาชาติใช้ได้ผลดีและเหมาะกับประเทศไทย เหมาะกับสถานการณ์ส่งผลกระทบในวงกว้างและให้ผลดีในระยะยาวมากที่สุด

         

งานวิจัยและบทความทางวิชาการเกี่ยวกับคอร์รัปชั่นมี แนวโน้มเพิ่มมากขึ้นตามสถานการณ์ที่เลวร้ายลง แต่น่าเสียดายว่าผลงานส่วนใหญ่ไม่ถูกนำไปใช้ประโยชน์อาจเป็นเพราะคุณค่าของตัวผลงานที่ไม่ตรงความต้องการใช้งาน การสืบค้นหาผลงานทำได้ยาก ไม่มีหน่วยงานใดรวบรวมไว้ หลายผลงานไม่ถูกเผยแพร่สู่สาธารณะทางอินเทอร์เน็ตด้วยเจตนา หรือความบกพร่องของหน่วยงานเจ้าของ หรือเพราะมีเนื้อหาที่อาจส่งผลในทางลบกับตัวผู้วิจัย

         

ปัจจุบันมีหน่วยงานผู้ให้ทุนวิจัยอยู่หลายแห่ง เช่น ป.ป.ช. สกว. รัฐสภา สภาพัฒน์ มหาวิทยาลัยและองค์กรเอกชนบางแห่ง นอกจากนี้ยังมีผลงานประกอบการศึกษาระดับต่างๆ ที่น่าสนใจจำนวนหนึ่งด้วย

         

ดังนั้น ยุทธศาสตร์การวิจัย จึงมีเป้าหมายสำคัญเพื่อให้การใช้งบประมาณและบุคลากรด้านการวิจัยเกิดประโยชน์สูงสุดร่วมกัน มีการกำหนดประเด็นวิจัยต่างๆ ที่มีเนื้อหาต่อเนื่อง ครอบคลุมแต่ไม่เหวี่ยงแห ใช้วิธีการวิจัยและเทคโนโลยีอย่างหลากหลาย ที่สำคัญความรู้ที่เกิดขึ้นต้องตอบโจทย์ความต้องการใช้งานของผู้เกี่ยวข้องได้ เช่น การแก้ไขความล่าช้าในการเอาคนโกงมาลงโทษ รูปแบบคอร์รัปชั่นเชิงนโยบายในกระทรวงเกษตรฯ คอร์รัปชั่นในอุตสาหกรรมก่อสร้าง รูปแบบคอร์รัปชั่นใน กทม. ความไม่โปร่งใสในการจัดซื้อของกระทรวงกลาโหม การใช้ดุลพินิจที่ก่อให้เกิดการทุจริตในกรมสรรพากร เป็นต้น

         

การที่เรามีหน่วยงานทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางเก็บรวบรวม ประมวลความเปลี่ยนแปลงและศึกษาความต้องการของตลาด แล้วเผยแพร่ข้อมูลให้ผู้สนใจทราบความคืบหน้าเป็นระยะก็จะช่วยพัฒนาความต่อเนื่องของงานวิจัยด้านคอร์รัปชั่นได้เป็นอย่างดี ซึ่งโดยส่วนตัวผมไม่แน่ใจว่า ป.ป.ช. พร้อมที่จะทำหน้าที่นี้หรือไม่

 

 

 

 

 

 

#ACTองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน

 

Follow LINE: http://bit.ly/2luX9Dt
Follow Facebook: http://bit.ly/2z1Dxvw