ประเด็นร้อน

แค่ยอดภูเขาคอร์รัปชัน

โดย ACT โพสเมื่อ Mar 14,2018

- - สำนักข่าวไทยโพสต์ - -

 

แม้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะหลงใหลได้ปลื้มไปกับการประกาศดัชนีการรับรู้การทุจริตประจำปี 2560 ขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติที่ระบุคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI) ว่าไทยได้ 37 คะแนน อยู่ในอันดับ 96 ขยับขึ้นมาจากคะแนนปี 2559 ที่ได้ 35 คะแนน อยู่ในอันดับที่ 101 เพราะในสุดสัปดาห์เดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ได้ตอกย้ำในรายการศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนว่า "เป็นเรื่องน่ายินดี...เราเดินทางถูกแล้ว ขอให้พี่น้องประชาชนทุกคนร่วมมือกันเป็นหูเป็นตา อย่านิ่งเฉยต่อการกระทำผิด"

 

เดินมาถูกทางแล้วจริงหรือ! ยังเป็นคำถามน่าสนใจที่สังคมเฝ้าติดตาม เพราะดูเหมือนห้วงปัจจุบันข้อเท็จจริงช่างขัดแย้งเสียจริงๆ มิหนำซ้ำยังสะท้อนให้เห็นอีกว่า การทุจริตคอร์รัปชันของไทยนั้นฝังรากลึก และขยายไปทุกภาคส่วน โดยเฉพาะองคาพยพในหน่วยงานราชการ

 

ล่าสุดที่เป็นข่าวเกรียวกราว และยังขยายวงอย่างต่อเนื่องคือ การทุจริตการเบิกจ่ายงบประมาณอุดหนุนประเภทเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อย ผู้ยากไร้ และผู้ติดเชื้อเอดส์ของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ซึ่งลุกลามไปถึง 44 จังหวัดแล้ว และเชื่อว่าจะขยายลามไปอีก มิแน่ว่าอาจครอบคลุมทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศก็เป็นได้

 

เพราะพฤติกรรมการโกงที่ พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี กรรมการและโฆษก ป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ระบุไว้มีทั้ง 1.นำชื่อคนเสียชีวิตมา สวมสิทธิ์ 2.นำข้อมูลบุคคลในโครงการอื่นมาสวมสิทธิ์ 3.นำชื่อคนที่ไม่เข้าหลักเกณฑ์ 4.ปลอมลายมือชื่อ 5.ให้ประชาชนลงลายมือชื่อในเอกสารเกี่ยวกับการขอรับเงิน โดยแจ้งว่านำไปใช้ในกิจกรรมต่างๆ 6.ให้หน่วยงานของรัฐอื่น ส่งรายชื่อผู้เข้าหลักเกณฑ์ แต่จ่ายเงินให้ไม่ครบ 7.อุปโลกน์ชื่อในทะเบียนราษฎร และ 8.คัดสำเนาบัตรประชา ชนจากทะเบียนราษฎรมาปลอมลายมือชื่อ

 

เห็นได้ว่าพฤติกรรมการโกงดังกล่าวต้องมีการวางแผน และทำอย่างเป็นขบวน การ รวมทั้งต้องมิใช่แค่เพียงหน่วยงานใน พม.เท่านั้นจะทำได้เพียงลำพัง อาจมีหน่วยงานอื่นทั้งในส่วนกลางและภูมิภาคร่วมมือด้วย

 

ในขณะเดียวกันมิใช่มีเพียง พม.เท่านั้นที่มีข่าวฉาวโฉ่ในห้วงเพลานี้ในการโกงคนจน คนยากไร้ รวมถึงผู้ติดเอดส์เท่านั้น เพราะในซีกกระทรวงศึกษาธิการก็มีการทุจริตเงินเด็กยากไร้ในกองทุนเสมาพัฒนาชีวิตเช่นกัน ที่สำคัญมีการทุจริตมาตั้งแต่ปี 2551-2561 หรือเกือบ 10 ปีทีเดียว

 

แม้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์จะระบุว่า รัฐบาลนี้ไม่ทนต่อการคอร์รัปชัน และนี่เป็นผลพวงจากการจริงจังในการปราบโกง จึงทำให้สามารถจัดการกับเรื่องดังกล่าวได้ แต่ต้องไม่ลืมว่าเป็นการตรวจพบในช่วงโค้งสุดท้ายของการทำหน้าที่บริหารประเทศแล้ว ยิ่งสะท้อนให้เห็นว่า ตั้งแต่รัฐประหาร 22 พ.ค.2549 จวบจนปัจจุบันมิได้มีความจริงจัง หรือจริงใจในการปราบโกงตามที่กล่าวอ้างแต่ประการใด แต่เพราะเกิดจากเหตุบังเอิญ โดยเฉพาะกรณีของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หากไม่มีนิสิตที่กล้าออกมาเปิดโปงด้วยแล้ว ก็เชื่อว่าเรื่องดังกล่าวก็ยังคงซุกอยู่ใต้พรมอย่างต่อเนื่อง

 

ยิ่งในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการที่เป็นกระทรวงแห่งการสร้างอนาคต ก็ยิ่งสะทกสะท้อนหนักเข้าไปอีก เพราะมีการทุจริตมานานกว่า 10 ปี ผ่านรัฐบาลมาไม่รู้กี่ยุคกี่สมัย ผ่านปลัดกระทรวงในฐานะกองทุนเสมาพัฒนาชีวิตมาไม่รู้กี่ราย แต่กลับไม่เอะใจหรือสงสัยหรือตรวจสอบแต่ประการใด และหากขยายวงตรวจสอบย้อนหลังไปตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นมาเมื่อปี 2542 ก็ไม่รู้ว่าจะพบจะเจอการทุจริตมาตั้งแต่ต้นหรือไม่อย่างไร

 

ยิ่งน่าเป็นห่วง และหวาดวิตกอย่างยิ่ง เพราะการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล (กขร.) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้ระบุถึงระบบสวัสดิการภาครัฐที่มีอยู่ในปัจจุบันตั้งแต่เกิดจนตายมีทั้งสิ้น 44 ระบบ และกระจายไปหลายหน่วยงานหลายกระทรวงต้องบูรณาการให้เป็นระบบเพื่อประสิทธิภาพและป้องกันการรั่วไหล!

 

ฉะนั้นการทุจริตทั้งในกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และกระทรวงศึกษาธิการ จึงน่าจะเป็นเพียงยอดของภูเขาทุจริตคอร์รัปชันเท่านั้น เพราะหากตรวจสอบทั้ง 44 ระบบ ในเรื่องของระบบสวัสดิการรัฐ หรือระบบของรัฐอื่นๆ ก็อาจเจอการโกงขั้นมโหฬารก็เป็นได้ การเดินมาถูกทางของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์นั้นจึงน่าสนใจอย่างยิ่งว่ากำลังเดินไปจุดไหน เดินไปสู่หุบเหวแห่งการโกงกินที่ไม่เว้นแม้แต่คนยากไร้ คนติดเชื้อเอดส์ หรือจะเดินเชิดหน้าชูตาว่าประเทศไทยไร้คอร์รัปชัน เวลาที่เหลือของรัฐบาลน่าจะเป็นเครื่องพิสูจน์ได้เป็นอย่างดี

 
 

 

 

 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

#ACTองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน

 

Follow LINE: http://bit.ly/2luX9Dt
Follow Facebook: http://bit.ly/2z1Dxvw