บทความ

EITI :เพื่ออนาคตร่วมกันของคนไทย

โดย act โพสเมื่อ Dec 08,2016

EITI :เพื่ออนาคตร่วมกันของคนไทย 

               ตามที่รัฐบาลไทยได้สมัครเข้าเป็นสมาชิก EITI เพื่อนำมาตรการสร้างความโปร่งใสในระดับสากลมาใช้กับโครงการสัมปทานขุดเจาะทรัพยากรธรรมชาติ เช่น น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติและเหมืองแร่ต่างๆ ผู้เขียนจึงขอเสนอข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้คนไทยได้ช่วยกันติดตามและผลักดันให้เกิดผลสำเร็จ มีปัญหาความขัดแย้งในประเทศต่างๆ ทั่วโลก อันเนื่องมาจากความเห็นไม่ตรงกันเกี่ยวกับการบริหารจัดการความมั่งคั่งจากการสกัดหรือขุดเจาะทรัพยากรธรรมชาติ ถึงแม้ว่าทุกประเทศจำเป็นต้องนำทรัพยากรธรรมชาติของตนขึ้นมาเพื่อใช้หรือขายออกไปเพื่อสร้างรายได้ให้ประเทศซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาที่จำเป็นต่อไป แต่ประชาชนกลับเชื่อว่าตนไม่ได้รับประโยชน์เท่าที่ควรจากทรัพยากรเหล่านั้น เนื่องมาจากการคอร์รัปชัน การบริหารจัดการที่ขาดธรรมาภิบาล การบิดเบือนตัวเลขทางเศรษฐกิจหรือเกิดการทำลายสิ่งแวดล้อมหรือสร้างผลกระทบแก่ชุมชนโดยขาดความรับผิดชอบก็ตาม ความไม่ไว้วางใจที่เกิดจากความไม่โปร่งใส การพูดคุยระหว่างภาคประชาชนกับรัฐและภาคธุรกิจยังเป็นไปได้ยาก เพราะที่ผ่านมาภาครัฐและเอกชนผู้ได้รับสัมปทานจะเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับโครงการน้อยมาก ทำให้ประชาชนที่ต้องการประเมินผลกระทบจากโครงการและคุณค่าหรือผลประโยชน์ของชาติที่ได้รับว่าคุ้มค่าเป็นธรรมหรือไม่ กลับทำได้ยาก เพราะการเข้าถึงข้อมูลของรัฐที่ถูกต้องและเพียงพอดูจะเป็นไปไม่ได้เลย ทำให้ประชาชนต้องดิ้นรนสืบค้นข้อมูลจากแหล่งต่างๆ รวมทั้งแหล่งข้อมูลจากต่างประเทศ การรับรู้จึงเป็นไปอย่างจำกัด ภาพที่มักเห็นตามมาคือ การตอบโต้จากฝ่ายรัฐว่า “ข้อมูลที่ภาคประชาชนหรือกลุ่มเอ็นจีโอได้มานั้นไม่ถูกต้องหรือมีการบิดเบือน เป็นข้อมูลที่ไม่รู้จริง พูดโดยไม่หวังดีหรือมีอคติ” เป็นต้น ท่าทีเช่นนี้ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีอำนาจและกุมข้อมูลทั้งหมดอยู่ในมือ ไม่ได้ใส่ใจในความเห็นของประชาชนแต่ได้รอจังหวะที่จะตอบโต้หาเหตุปฏิเสธการปฏิบัติต่อกันเช่นนี้จึงเป็นเหตุให้เกิดความหวาดระแวงซึ่งกันและกันจนกลายเป็นอุปสรรคต่อความร่วมมือในการพัฒนาและสร้างสังคมที่สงบสุขอย่างที่เห็นกันทุกวันนี้ ต้องเริ่มต้นจากความโปร่งใส เพื่อลดความขัดแย้งและยุติไม่ไว้วางใจกัน จึงจำเป็นต้องสร้างโอกาสในการพูดคุยกัน โดยเริ่มจากทำให้ทุกฝ่ายสามารถเข้าถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องอย่างเท่าเทียมกัน เพื่อให้เกิดการยอมรับและปรับมุมมองที่ต่างกัน ด้วยการสร้างกติกาให้มีการเปิดเผยข้อมูลอย่างเต็มที่ในรูปแบบที่เหมาะสม ทันเวลา และได้มาตรฐานสากล โดยสาธารณชนสามารถเข้าถึงและสืบค้นเพิ่มเติมได้ง่าย เมื่อมีการเปิดเผยข้อมูลอย่างถูกต้องรอบด้านแล้ว ก็ง่ายที่ภาคประชาชนจะนำความรู้นี้ไปศึกษาวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ เสนอแนะและนำไปขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการกำหนดนโยบายของรัฐที่เกียวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต 

               ดังนั้นจึงมีการเสนอให้รัฐบาลนำ “โครงการสร้างความโปร่งใสในการสกัดทรัพยากรธรรมชาติ” มาเป็นกลไกให้เกิดการพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลกันตามมาตรฐานสากล บทบาทของ EITI EITI :Extractive Industries Transparency Initiativeมีสำนักงานอยู่ที่ประเทศนอร์เวย์ ก่อตั้งในปี ค.ศ. 2003เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรเพื่อช่วยประเทศสมาชิกในการพัฒนาระบบความโปร่งใสเกี่ยวกับการจัดการรายได้จากทรัพยากรธรรมชาติ เช่น น้ำมัน ก๊าซ และเหมืองแร่ โดย EITI ได้รับการสนับสนุนจากทั้งภาคเอกชนและองค์กรระหว่างประเทศ ตลอดจน NGOs กว่า 400 แห่งเช่น บริษัทขุดเจาะชั้นนำ World Bank, IMF, International Council on Mining and Metals และสถาบันการลงทุนกว่า 90 แห่ง ปัจจุบันมีสมาชิก 48 ประเทศ EITI จะสนับสนุนประเทศสมาชิกในการจัดตั้งกลุ่มผู้มีส่วนได้เสีย (Multi - Stakeholder Group: MSG.) ขึ้นมาเป็นองค์คณะ “EITI ระดับประเทศ” ซึ่งจะประกอบไปด้วยตัวแทนของภาครัฐ ภาคอุตสาหกรรมและภาคประชาสังคมเพื่อทำหน้าที่วางระบบการเปิดเผยข้อมูลและการเผยแพร่ข้อมูลสู่สาธารณะให้เป็นไปตามมาตรฐานที่เรียกว่า “EITI Standard”ที่ทุกภาคส่วนในสังคมสามารถนำไปใช้ได้อย่างไม่เคลือบแคลงใจ ขณะที่การเข้าร่วมตัวแทนของภาคประชาชนจะเป็นไปโดยไม่มีเงื่อนไขผูกมัด อาจถอนตัวหรือปฏิเสธข้อมูลที่ไม่เห็นด้วยหรือไปดำเนินการเคลื่อนไหวตามวิถีทางของตนอย่างอิสระได้ทันทีเมื่อต้องการ ภายใต้มาตรฐาน EITI Standard นี้ รัฐบาลต้องเปิดเผยผลประโยชน์ที่ได้รับจากบริษัทที่ประกอบธุรกิจสกัดทรัพยากรในประเทศ ไม่ว่าอยู่ในรูปของภาษีหรือประโยชน์อื่นใด และบริษัทที่ประกอบธุรกิจสกัดทรัพยากรในประเทศจะต้องเปิดเผยรายได้ทั้งหมดที่ได้ส่งมอบให้รัฐบาลในลักษณะเดียวกัน และอาจรวมถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เช่นสัญญาสัมปทาน ข้อมูลการผลิต ภาษี และการจัดสรรรายได้จากทรัพยากร ฯลฯ โดยข้อมูลทั้งหมดจะถูกตีพิมพ์และเผยแพร่ในรูปของรายงาน “EITI Report” โดยมีกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียเป็นผู้ควบคุมการดำเนินงานด้วยกลไกนี้เชื่อว่าทุกคนจะสามารถรับรู้และเห็นข้อมูล รับรู้ความจริงที่เป็นจริงมากที่สุดว่าใครทำอะไร ใครได้อะไร บทสรุป EITI มีเพื่อสานประโยชน์และสนับสนุนการพัฒนาประเทศ การปฏิบัติตามมาตรฐานEITI ถือเป็นพันธสัญญาของรัฐ ที่ต้องปฏิบัติโดยรัฐ ด้วยความร่วมมือของภาคธุรกิจและภาคประชาชน ดังนั้นถ้าทุกฝ่ายไม่ร่วมมือกันก็เป็นไปไม่ได้ ผลประโยชน์ที่ทุกฝ่ายต้องการก็ไม่เกิด วันนี้หมดยุคที่รัฐบาลหรือบรรดาผู้มีอำนาจและนักธุรกิจจะทำอะไรตามอำเภอใจอีกแล้ว แต่ต้องเปิดให้ประชาชนมีส่วนรับรู้ร่วมตัดสินใจในเรื่องนโยบายสาธารณะผ่านกลไกการเปิดเผยข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ เพราะ“ความโปร่งใสเป็นเงื่อนไขที่ทำให้คนต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างรับผิดชอบจนส่งผลให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกันในที่สุด” ถ้าพัฒนาถึงขั้นนี้ได้ก็ถือความสำเร็จของประเทศชาติอย่างน่าภาคภูมิใจ 



เขียนโดย 

ดร. มานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย), 
19 ตค. 2558, 

ข้อมูลเพิ่มเติม : https://thaigoodgovernance.files.wordpress.com/2015/05/eiti-e0b982e0b884e0b8a3e0b887e0b881e0b8b2e0b8a3e0b8aae0b8a3e0b989e0b8b2e0b887e0b884e0b8a7e0b8b2e0b8a1e0b982e0b89be0b8a3e0b988e0b8871.pdf