Hot Topic!

ขัดก.ม.แบงก์ชาติ-อัยการฯชี้หลักฐานมัดครองที่ดินแทน

โดย ACT โพสเมื่อ May 19,2017

"ดีเอสไอ"เรียก"อนันต์"บิ๊กแลนด์แอนด์เฮ้าส์ รับข้อหา สมคบฟอกเงิน-ร่วมกันฟอกเงิน 7 มิ.ย.นี้  ระบุหลักฐานชัดใช้เงินสหกรณ์ซื้อที่ดินคลองหลวง "อัยการสูงสุด" เผยหลักฐานมัดถือครองที่ดินแทนธัมมชโย  ด้าน"ตลาด- ก.ล.ต."เกาะติดเหตุการณ์ แจงต้องรอกระบวนการตัดสินทางกฎหมาย ด้านราคาหุ้นแลนด์แอนด์เฮ้าส์ดิ่ง นิวโลว์รอบ 4 เดือน
          
พ.ต.อ.ไพสิฐ  วงศ์เมือง  อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยถึงการอนุมัติให้พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกนายอนันต์ อัศวโภคิน ประธานและกรรมการผู้จัดการบริษัทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เข้ารับทราบข้อกล่าวหาสมคบกันฟอกเงินและร่วมกัน ฟอกเงินว่า คดีดังกล่าวพนักงานสอบสวนพบหลักฐานชัดเจนว่านายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด นำเงินของสหกรณ์มาซื้อหุ้นทั้งหมดหรือเทคโอเวอร์ บริษัทเอ็ม-โฮม เอสพีวี 2 จำกัด โดยทรัพย์สินทั้งหมดของบริษัทนี้เป็นที่ดิน ส่วนหนึ่ง ตั้งอยู่ใน อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
          
ต่อมามีการทำหนังสือสัญญาว่าขายต่อที่ดินให้ นายอนันต์และนายอนันต์บริจาคให้กับวัดพระธรรมกาย โดยมูลนิธิคุณยายจันทร์ขนนกยูง ซึ่งอยู่ในความอุปถัมภ์ของพระธัมมชโย แต่ที่ดินยังถือครองอยู่ในชื่อของนายอนันต์ ดังนั้นหลักฐานจึงมีความชัดเจนว่าเป็นการร่วมกันฟอกเงิน
          
หลังจากนี้พนักงานสอบสวนยังต้องพิสูจน์เส้นทางการเงินว่ามีการซื้อขายและจ่ายเงินกันจริงหรือไม่ เพราะอาจเป็นการทำสัญญาลวง
          
ทั้งนี้ ปัจจุบันที่ดินในความครองครองของเอ็ม-โฮม เอสพีวี 2 ได้ถูกขายต่อไปให้นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ ซึ่งในชั้นสอบสวนพบว่า เป็นการอนุมัติซื้อขายโดย คณะกรรมการบริหารสหกรณ์คลองจั่นฯ ชุดใหม่ ซึ่งที่ดินแปลงนี้ได้รับการคุ้มครองตามคำสั่งศาลแพ่ง ดีเอสไอจึง ไม่ได้อายัดไว้เป็นของกลาง ทำให้กรรมการสหกรณ์สามารถอนุมัติซื้อขายได้
          
ต่อมาพ.ต.อ.ไพสิฐเปิดเผยว่า หลังหารือกับพนักงาน อัยการ ได้ออกหมายเรียกนายอนันต์ให้เข้ารับทราบ ข้อกล่าวหาในวันที่ 7  มิ.ย. เวลา 10.00 น. ซึ่งในการสอบสวนยังพบว่ามีอีกหลายกลุ่ม ที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น   ดีเอสไออยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อแจ้ง ข้อกล่าวหาต่อไป
          
นักก.ม.ชี้ส่อขาดคุณสมบัติ
          
แหล่งข่าวนักกฎหมายการเงิน กล่าวว่า กรณีของ นายอนันต์ ค่อนส่อไปในทางที่จะขาดคุณสมบัติการเป็นกรรมการและผู้บริหารของสถาบันการเงิน โดยแม้ว่าพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ.2551 มาตรา 24 จะระบุว่า คุณสมบัติดังกล่าวจะหมดลงต่อเมื่อต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกในความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดย ทุจริต ไม่ว่าจะมีการรอการลงโทษหรือไม่ก็ตาม
          
แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าดูในประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ที่ สนส. 13/2554 เรื่อง หลักเกณฑ์การพิจารณาให้ความเห็นชอบการแต่งตั้งกรรมการ ผู้จัดการ ผู้มีอำนาจในการจัดการ หรือที่ปรึกษาของสถาบันการเงิน กำหนดให้ กรรมการ ผู้จัดการ ผู้มีอำนาจในการจัดการ หรือที่ปรึกษาของสถาบันการเงิน ต้องมีคุณสมบัติและความสามารถที่เหมาะสม โดยต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 24 พ.ร.บ.สถาบันการเงิน และลักษณะต้องห้ามเพิ่มเติม เช่น ด้านความซื่อสัตย์ สุจริต และชื่อเสียง
          
สำหรับด้านความซื่อสัตย์ สุจริต และชื่อเสียงนี้ กำหนดว่า ต้องไม่มีลักษณะต้องห้าม เช่น เคยถูกหน่วยงานอื่นของรัฐ ทั้งในและต่างประเทศ กล่าวโทษ ร้องทุกข์ หรือกำลังถูกดำเนินคดี ในความผิดฐานฉ้อโกง หรือทุจริตทางการเงิน เว้นแต่ปรากฎว่า คดีถึงที่สุดโดยไม่มีความผิด
          
แหล่งข่าวกล่าวว่า ถ้าตีความจากประกาศนี้ ถือได้ว่า นายอนันต์ อาจเข้าข่ายว่าจะขาดคุณสมบัติการเป็นกรรมการและผู้บริหารของสถาบันการเงิน แต่อย่างไรก็ตามคงต้องรอทาง ธปท. ตีความในเรื่องนี้ เว้นแต่ว่า นายอนันต์ จะขอลาออกจากการเป็นกรรมการในสถาบันการเงินดังกล่าวไปก่อน
          
ตลาด-ก.ล.ต.เกาะติดใกล้ชิด
          
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ว่า กรณีการออกหมายเรียกผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนรายหนึ่งที่อาจจะมีการดำเนินการเกี่ยวกับกฎหมายฟอกเงิน ว่ามีส่วนเกี่ยวกับ พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์หรือไม่ นั้นก.ล.ต. อยู่ระหว่างติดตามความคืบหน้าของประเด็นดังกล่าว ในชั้นนี้จึงอาจยังไม่สามารถชี้ได้ว่า จะมีส่วนใดที่มีผลกระทบต่อกฎเกณฑ์ตามกฎหมายหลักทรัพย์
          
อย่างไรก็ดี ตามหลักเกณฑ์ของ ก.ล.ต. ในเรื่องการดำรงคุณสมบัติในการเป็นผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนนั้น ในกรณีที่เป็นผลสืบเนื่องจากการกระทำผิดตามกฎหมายอื่น การขาดคุณสมบัติจะเกิดขึ้นเมื่อเข้ากรณีใดใน 2 กรณีนี้ คือถูกศาลพิพากษามีคำสั่งถึงที่สุดให้ยึดทรัพย์ตามกฎหมายฟอกเงิน หรือถูกห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารตามกฎหมายว่าด้วยการกำกับดูแลสถาบันการเงิน
          
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเปิดเผยว่า จากกรณีผู้บริหารบริษัท แลนด์แอนด์เฮาส์ ถูกดีเอสไอเรียกรับทราบข้อกล่าวหานั้นตลาดหลักทรัพย์ไม่ได้สอบถามเพิ่มเติม แต่เชื่อว่า บริษัทน่าจะมีการชี้แจงกับตลาดหลักทรัพย์ เพื่อให้นักลงทุนรับทราบโดยทั่วกัน
          
หุ้นกลุ่มแลนด์ร่วงแรง
          
การเคลื่อนไหวราคาหุ้นของ 4 บริษัท ซึ่งเป็นของกลุ่มแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ และมีนายอนันต์ อัศวโภคินเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่วานนี้(18พ.ค.)ราคาปรับตัวลดลงทั้งกลุ่ม โดยเฉพาะหุ้นแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์(LH)ราคาปรับลดลงต่ำสุดที่ 9.45 บาท และเป็นราคาต่ำสุดรอบ 4 เดือน และมาปิดซื้อขายที่ราคา 9.55 บาทลดลง 4.02% มูลค่าซื้อขายรวม 725.04 ล้านบาท
          
หุ้นบริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) LHBANK ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์เพื่อรายย่อย ราคาปรับลดลง ล่าสุดปิดตลาดที่ 1.73 บาท ลดลง1.70% มูลค่าการซื้อขายรวม 71.33 ล้านบาท
          
หุ้นบริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) QH ปิดตลาดที่ราคา 2.42 บาท ลดลง 0.82% มูลค่าการซื้อขายรวม 60.24 ล้านบาท
          
หุ้นบริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน)HMPRO ปิดตลาดที่ราคา 9.40 บาท ลดลง 1.05% มูลค่าการซื้อขายรวม 118.44 ล้านบาท
          
อัยการระบุมีหลักฐานชัด
          
ด้านนายขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ อัยการพิเศษฝ่ายสอบสวน 3 ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะทำงานร่วมสอบคดีฟอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น กล่าวถึงกรณีดีเอสไอ ตั้งข้อกล่าวหานายอนันต์ ว่ามีการประชุมร่วมกันระหว่างคณะพนักงานสอบสวนของดีเอสไอ และคณะของอัยการและมีมติร่วมกันว่าหลักฐานในส่วนของคดีนี้เพียงพอที่จะแจ้งข้อกล่าวหากับนายอนันต์ และให้เข้ามาแก้ข้อกล่าวหาดังกล่าว
          
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2554 คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติให้นำที่ดินของบริษัทเอ็ม-โฮม เอสพีวี 2 จำกัด ไปขายเพื่อนำเงินมาชำระหนี้ โดยที่ดินตามโฉนดเลขที่ 31344 เนื้อที่ 46 ไร่ 3 งาน 56.2 ตารางวา ได้มีมติขายให้ นายอนันต์ ซึ่งได้ทำสัญญาซื้อขาย ณ สำนักงานที่ดินอำเภอคลองหลวง จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.2554 ภายหลังจากที่คณะกรรมการมีมติเพียง 2 วัน ในราคาไร่ละ 2 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 93,781,000 บาท ซึ่งราคาประเมินที่ดินขณะนั้นราคาตารางวาละ15,000บาท คิดเป็นราคาที่ดินประมาณ 281 ล้านบาท มีความแตกต่างและต่ำกว่าราคาประเมินถึง 3 เท่า
          
ทำให้บริษัทได้รับความเสียหาย และไม่ปรากฏหลักฐานการจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวให้บริษัท เอ็ม-โฮม เอสพีวี 2 จำกัด แล้วมันไปไหน มีการจ่ายเงินจายนายอนันต์ จริงๆหรือไม่ และถ้าจ่ายจริงเงินไหลไปที่ใครเมื่อมันไม่เข้าบริษัท นายขจรศักดิ์ กล่าวว่าขอตอบกว้างๆ เพราะรายละเอียดอยู่ในระหว่างกระบวนการสอบสวน ซึ่งปรากฎว่ามีการโอนกรรมสิทธิ์ให้นายอนันต์ในที่ดินโฉนด 31344 ในราคาที่ต่ำกว่าราคาประเมินมาก ต่อมาได้ขายต่ออีก ซึ่งยังเปิดเผยไม่ได้ แต่รู้แล้วว่าเป็นใคร ส่วนจะเกี่ยวพันกับวัดพระธรรมกายหรือไม่ ขอสอบสวนก่อน แต่การขายจะเห็นว่าขายในราคาที่สูง และมีการโอนเงินกลับมายังมูลนิธิคุณยายจันทร์ จำนวน 303 ล้านบาท เข้าสู่กระบวนการของวัดเหมือนเดิม ซึ่งมองว่าตรงนี้เข้าข่ายการฟอกเงิน
          
กระบวนการซื้อขายที่ดินผิดปกติ
          
เมื่อถามต่อว่ายังเปิดเผยไม่ได้ใช่หรือไม่ว่านายอนันต์ขายที่ดินผืนดังกล่าวให้กับใคร นายขจรศักดิ์ ตอบว่า เรื่องนี้ขอปิดไว้ก่อน เพราะว่าเกี่ยวกับการที่จะให้นายอนันต์ชี้แจง ซึ่งตอนนี้ได้ชื่อแล้ว และเป็นประเด็นที่จะต้องซักถามว่าอยู่ในเครือข่ายหรือนอกเครือข่ายวัดพระธรรมกาย ส่วนที่ดินโฉนดเลขที่ 31344 ที่นายอนันต์ขายไปแล้วนั้นผู้ครอบครองเป็นใคร เรื่องนี้ต้องขออนุญาตไม่สามารถบอกได้ เพียงแต่ว่าเงินจำนวนนี้มันถูกถ่ายโอนกลับเข้ามาในส่วนมูลนิธิคุณยายจันทร์
          
เมื่อถามว่า วันเดียวกันที่ระบุว่ามีการขายที่ดินผืนนั้นให้กับนายอนันต์ คณะพนักงานสอบสวนได้ไปเจอเอกสารลับฉบับหนึ่งใช่หรือไม่ นายขจรศักดิ์ ยอมรับว่า ใช่ ซึ่งเราต้องซักถามโดยเอกสารฉบับนั้นลงนามโดยนายศุภชัย ศรีศุภอักษร ประธานคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ระบุว่ายกที่ดินแปลงนั้น เลขที่โฉนด 31344 ยกให้พระธัมมชโย แต่พระธัมมชโยระบุให้นายอนันต์ถือครองตามกรรมสิทธิ์ตามหน้าโฉนดแทน ซึ่งตรงนี้เป็นพิรุธ
          
ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่านายอนันต์ขายที่ดินผืนนี้ราคา 492 ล้านบาทให้กับพระธัมมชโย เอาเงินยักยอกจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นมาฟอกเป็นที่ดิน จากนั้นก็เอาเงินจากบัญชีไหนก็ไม่รู้ของพระธัมมชโยมาฟอกซ้ำอีกทีในการซื้อที่ดินผืนนั้น และย้อนกลับมาที่มูลนิธิ นายขจรศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ก็ต้องซักถามนายอนันต์ ซึ่งมันผิดธรรมชาติ และการที่ในอดีตนายศุภชัยเอาเงิน 275 ล้านบาทจากสหกรณ์ไปซื้อ บริษัท เอ็ม-โฮม เอสพีวี 2 จำกัด ก็เพื่อซื้อใช้ในการฟอกเงิน ซึ่งมีการดำเนินการไปแล้ว
          
ส่วนกรณีมูลนิธิคุณยายจันทร์เกี่ยวพันกับคนที่ชื่อนางวรรณา จิรกิตติ ใช่หรือไม่ นายขจรศักดิ์ ตอบว่า ใช่ ซึ่งนางวรรณาเป็นน้องสาวของนายบุญชัย เบญจรงคกุล นักธุรกิจชื่อดัง ส่วนที่ดินผืนหนึ่งที่นายศุภชัยขายให้กับน.ส.อลิสา อัศวโภคิน ลูกสาวนายอนันต์ และต่อมาได้ถูกใช้เป็นที่ก่อสร้างอาคารบุญรักษาของวัดพระธรรมกาย ที่ดิน 3 แปลงเป็นของบริษัท เอ็ม-โฮม เอสพีวี 2 จำกัด หรือไม่ นายขจรศักดิ์ กล่าวว่า เป็นอีกคดีหนึ่ง ส่วนจะถึงขั้นตั้งข้อกล่าวหาร่วมกันฟอกเงินได้เมื่อไรนั้น ยังไม่ได้มีการประชุมร่วมคดีนี้ยังสอบพยานบางปากอยู่

- -สำนักข่าว กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 19 พฤษภาคม 2560 - -