Hot Topic!

ปปป.เร่งเทียบทีโออาร์-โยง'จนท.รัฐ'เอื้อทุจริตประมูลสรุปผลสอบโกดัง'ข้าวเน่า'

โดย ASB โพสเมื่อ Sep 20,2017

 - - สำนักข่าวกรุงเทพธุรกิจ - -

 

ปปป.เร่งสรุปผล ตรวจสอบโกดังข้าวเอกชนตามที่มีผู้ร้องเรียน ระบุบางรายพบพิรุธชัดทั้งเอกสารสำคัญ-การจัดเก็บข้าว เตรียมนำข้อมูลเทียบทีโออาร์ กรมการค้าต่างประเทศ พร้อมตรวจสอบเชื่อมโยงเจ้าหน้าที่รัฐส่อเอื้อประโยชน์ประมูลข้าวเน่า ก่อนชงผลสรุปถึงกรรมการชุดใหญ่ ส่งรายงานต่อนายกรัฐมนตรี ขณะที่ศาลฯอนุมัติขยายเวลาอุทธรณ์ 30 วัน คดีข้าวจีทูจี ทั้งฝ่ายอัยการ-บุญทรง

 

วานนี้ (19 ก.ย.) พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผู้บังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) เป็นประธานการประชุมติดตามความคืบหน้าโครงการพัฒนาเครือข่ายองค์กรต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐครั้งที่ 5 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสรุปผลการดำเนินงานที่ผ่านมาและกำหนดทิศทางการต่อต้านทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ

 

พล.ต.ต.กมล เปิดเผยก่อนประชุมว่าเรื่องล่าสุดที่ได้รับคำสั่งมาจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คือการตรวจสอบเรื่องการระบายข้าว โดย ปปป.ได้เดินทางไปตรวจสอบที่ จ.กำแพงเพชร  สรุปข้อมูลว่าบริษัทที่ถูกกล่าวหาเป็นบริษัทที่เข้าประมูลประเภทบริษัทไหนอย่างไรบ้าง ซึ่งยังไม่สามารถยืนยันชัดเจนว่ามีคุณสมบัติตามทีโออาร์ของกรมการค้าต่างประเทศหรือไม่ เพียงแต่ทราบถึงข้อเท็จจริง ว่าเป็นโรงงานผลิตแป้งมันตามใบอนุญาต

 

ทั้งนี้ ได้ส่งหนังสือไปยังบริษัทที่เข้าประมูลและโรงงานดังกล่าวให้ส่งเอกสารหลักฐานชี้แจงกับ ปปป. ทั้งหมด หลังจากนี้ทางปปป.จะรวบรวมเอกสารหลักฐานที่ได้ส่งเป็นรายงานไปถึงที่คณะกรรมการชุดใหญ่ ที่มีพล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา รอง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นประธานต่อไป

 

สอบจนท.รัฐเอื้อประมูลข้าวเน่า

นอกจากนี้ทาง ปปป.จะตรวจสอบเรื่องการเอื้อประโยชน์หรือสมคบกันกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่อาจจะมีการทุจริตให้บริษัทชนะการประมูล เพื่อตรวจสอบหาข้อเท็จจริงทั้งหมดซึ่ง ปปป.ยังคงต้องใช้เวลาอีกสักระยะในการตรวจสอบ

 

ส่วนความคืบหน้ายุทธการปราบฮั้ว ปปป.ได้ทำสำนวนการสืบสวน และทำหนังสือหาผู้ว่าราชการจังหวัดที่ได้รับความเดือดร้อน ให้เข้ามาร้องทุกข์ดำเนินคดีแล้วทั้งหมด 20 กว่าองค์กรส่วนท้องถิ่น ซึ่งทางปปป.ได้สรุปสำนวนส่งให้ ปปช.แล้วทั้งหมด 19 สำนวน ให้ดำเนินคดีกับองค์กรส่วนท้องถิ่นที่มีความผิดตาม พ.ร.บ.เสนอราคาต่อรัฐ ในเรื่องรถบรรทุกสิบล้อดูดสิ่งปฏิกูล ซึ่งปปช.ได้ตรวจสอบสำนวนทั้งหมด ก่อนส่งสำนวนกลับมายังมา ให้ดำเนินคดีได้เลยจำนวน 7 สำนวน

 

ลุยสอบโกงเงินวัด-ทุจริตท้องถิ่น

ได้ทำการสืบสวนและตรวจสอบ จากนั้นเพิ่มเติมพบว่า ยังมีกลุ่มผู้กระทำความผิดในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศไทยอีก 12 แห่ง พร้อมรวบรวมหลักฐานส่ง สำนวนให้ ปปช.ตรวจสอบอีกครั้ง ซึ่งทางปปป.จะดำเนินการกวาดล้างและป้องปราม เพื่อไม่ให้เกิดรูปแบบการประมูลทุจริต แบบนี้ขึ้นอีก

 

ขณะที่ความคืบหน้ายุทธการปราบโกงวัดขณะนี้การปปป.ดำเนินงานอยู่ เบื้องต้นได้ส่ง สำนวนไปยัง ปปช.จำนวน 12 สำนวน และ ยังตรวจสอบพบการทุจริตเพิ่มเติมอีก 23 วัด เป็นการทุจริตของหน่วยงานราชการคือสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ผู้กระทำผิด 19 คน และจะรวบรวมทั้งหมดส่งเพิ่มอีก 23 คดี ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 26 ก.ย.นี้

 

ตรวจสอบเสร็จโกดังข้าว10แห่ง

ด้านพ.ต.ท.ภุชงค์ ศรีวิสิฐศักดิ์ รอง ผู้กำกับการ(สอบสวน) กองกำกับการ 1 ปปป. กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(บช.ก.) เปิดเผยถึงการลงพื้นที่ตรวจสอบข้าวใน สต็อกของรัฐ ที่จ.กำแพงเพชร ตามที่มีการร้องเรียน โดยเป็นบริษัทเอกชนที่เข้าร่วมประมูลข้าวจำนวน 3 ราย คือบริษัท ที ซี เอส แป้งมันอุตสาหกรรม จำกัด บริษัท ชิโน-ไทย อะโกร โปรดักส์ จำกัด และบริษัท กำแพงเพชรไบโอ เพาเวอร์ จำกัด มีคลังสินค้าที่ใช้เป็นโกดังเก็บข้าวประมูล 10 แห่ง ได้ตรวจสอบเสร็จแล้ว

 

ทั้งนี้บริษัทเอกชน 2 รายแรกมีผู้บริหาร และใช้โกดังร่วมกันในการเก็บข้าว 2 ชนิดที่ประมูลได้ คือบริษัทชิโน-ไทย ประมูลข้าวสำหรับนำไปผลิตอาหารสัตว์ 7,000 ตัน ส่วนบริษัท ทีซีเอส ประมูลข้าวที่ไม่ใช่เพื่อการบริโภคของคนและสัตว์

 

รอเทียบข้อมูลกระทรวงพาณิชย์

เบื้องต้นการวิเคราะห์เอกสารของบริษัทเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการประมูลได้นำเสนอต่อ พล.ต.ต.กมล แล้วมีเพียงบางบริษัทที่จะนัดมอบเอกสารและเดินทางมาให้ข้อมูลการประมูลให้ครบถ้วนในโอกาสต่อไป โดย ขณะนี้ ยังไม่สามารถให้ความเห็นได้เนื่องจาก การตรวจสอบได้รับข้อมูลเพียงด้านเดียว

 

ทั้งนี้ ยังต้องรอผลการประสานงานกับกรมการค้าต่างประเทศ ฝ่ายคลังสินค้า และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำเอกสารการควบคุมปริมาณข้าว บันทึกการขนย้าย รวมถึงการตรวจสอบประเด็นคุณสมบัติของบริษัทเอกชนที่เข้าร่วมประมูลว่าถูกต้องตามเงื่อนไข และมีการนำข้าวที่ประมูลได้เข้าสู่กระบวนการผลิตตามสัญญาทีโออาร์หรือไม่

         

สอบละเอียดข้อปฏิบัติเอกชน

ส่วนการตั้งข้อสังเกตก็ยังเป็นการตรวจสอบ ว่าบริษัทเอกชน ปฏิบัติตามเงื่อนในทีโออาร์หรือไม่ เช่น การใช้สถานที่เก็บข้าวของเอกชนบางรายที่ประมูล 2 ชนิด มีการแยกพื้นที่เก็บไว้อย่างดี ไม่มีการปะปนกัน การเคลื่อนย้ายมีเอกสารยืนยันความถูกต้องในปริมาณ นำข้าวไปผลิตตรงชนิดของผลิตภัณฑ์ จำนวนที่ผลิตได้ครบถ้วน ไม่มีการนำข้าวประมูลหมุนเวียนไปจำหน่ายผิดสัญญาที่ทำไว้กับกรมการค้าต่างประเทศหรือไม่ ซึ่งจะต้องนาเอกสารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาประกอบการพิจารณา

         

พบพิรุธชัดเอกสาร-การจัดเก็บ

ขณะที่แหล่งข่าวระบุว่าผลจากการลงพื้นที่พบเอกชนบางรายมีพิรุธค่อนข้างชัดเจน ทั้งเอกสารที่ไม่ครบถ้วน สภาพการจัดเก็บข้าว รวมไปถึงเครื่องจักรตามที่มีการระบุพบมีการตั้งทิ้งไว้โดยไม่มีร่องรอยการใช้งาน โดยจากการพูดคุยก็พอมองเห็นแนวโน้มบ้างแล้วว่าเอกชนรายใดส่อทุจริต แต่เพื่อความรอบคอบจะต้องมีการตรวจสอบเอกสารอย่างละเอียด ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลครบถ้วนและถอนกำลังจากพื้นที่แล้ว ขณะนี้เป็นขั้นตอนของการสรุปและประมวลข้อมูล ทั้งประเด็นตามข้อร้องเรียนและในส่วนที่ตรวจสอบพบเพิ่มเติม โดยจะต้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติและการปฏิบัติต่างๆ เทียบเคียงกับเงื่อนไขของกรมการค้าต่างประเทศด้วย

 

สาวพฤติกรรมเจ้าหน้าที่รัฐ

รัฐเข้าไปเอื้อประโยชน์ อย่างเช่นการอนุมัติ รวมทั้งประเด็นที่เชื่อได้ว่ามีเจ้าหน้าที่คุณสมบัติให้เอกชนบางรายเข้าร่วมประมูล ทั้งที่เอกสารไม่ครบถ้วน หรือมีการของใบอนุญาตจัดตั้งโรงงานผิดประเภท หรือขอใบอนุญาตภายหลังการยื่นซอง ก็จะต้องมีการตรวจสอบเชื่อมโยงกันด้วย

 

ทั้งนี้ ปปป.มีข้อมูลที่รวบรวมได้มากพอสมควร แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ต้องรอสรุปเป็นรายงานส่งให้กรรมการ และจากนั้นจะต้องส่งให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รับทราบ เนื่องจากเป็นภารกิจที่มีการมอบหมายเป็นการเฉพาะ

         

ขยายเวลาอุทธรณ์'จีทูจี'ทั้ง2ฝ่าย

ขณะที่วันเดียวกันนายสุรศักดิ์ ตรัตน์ตระกูล อธิบดีอัยการสำนักงานสอบสวน ในฐานะรองหัวหน้าคณะทำงานอัยการคดีจำนำข้าวและทุจริตระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐหรือจีทูจี กล่าวถึง ความคืบหน้าการพิจารณาอุทธรณ์คดีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกนักการเมือง ข้าราชการ  เอกชนและปรับบริษัทจำเลยรวม 18 รายจากที่ยื่นฟ้อง 26 ราย และมีการยกฟ้องบางราย ว่าคณะทำงานอัยการ ได้ยื่นขอขยายเวลาอุทธรณ์ต่อศาล  60 วัน

 

โดยองค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกา พิจารณาคำขอขยายเวลาอุทธรณ์แล้ว มีคำสั่งอนุญาตให้อัยการโจทก์ขยายเวลาการยื่นอุทธรณ์ได้เป็นเวลา 30 วัน นับจากวันที่ครบกำหนดจะยื่นอุทธรณ์ปลายเดือน ก.ย.

 

ทั้งนี้ ถ้ายังพิจารณาไม่แล้วเสร็จตามระยะขยายอุทธรณ์ครั้งแรก โดยมีเหตุจำเป็นเรื่องของเอกสาร  คณะทำงานอัยการก็ต้องขอขยายเวลายื่นอุทธรณ์เป็นครั้งที่ 2

 

ขณะที่นายธนากร แหวกวารี  ทนายความของ ของนายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเปิดเผยว่าได้ยื่นขอขยายเวลาอุทธรณ์ต่อศาลไป60 วัน ศาลมีคำสั่งอนุญาต 30 วัน  และเท่าที่ทราบในส่วนของนายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ กับนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ศาลก็อนุญาตขยายเวลาเช่นกัน

 

 

 

 

 

#ACTองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน


Follow LINE: http://bit.ly/2vDtGHV
Follow Facebook: http://bit.ly/2x3oArO