ประเด็นร้อน

ต้องเร่งงานปราบโกงสร้างเครดิตรัฐบาล

โดย ACT โพสเมื่อ Apr 26,2017

 เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา มีข่าวเอาเรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำจากจีนเข้าสู่ที่ประชุม ครม. เงียบ ๆ การจัดซื้อดังกล่าวมีงบผูกพันนับหมื่นล้าน แต่เข้าเงียบ ๆ ซึ่ง หลายคนเขาก็บอกว่า ไม่รู้จะทำแบบนั้นทำไม เพราะตอนนี้เขาก็รู้กันทั้งเมืองแล้วว่า รัฐบาลจะจัดซื้อเรือดำน้ำ จัดซื้อรถถัง (และจะมีภาระเรื่องโรงซ่อม โรงจัดเก็บตามมา)          เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา มีข่าวเอาเรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำจากจีนเข้าสู่ที่ประชุม ครม. เงียบ ๆ การจัดซื้อดังกล่าวมีงบผูกพันนับหมื่นล้าน แต่เข้าเงียบ ๆ ซึ่ง หลายคนเขาก็บอกว่า ไม่รู้จะทำแบบนั้นทำไม เพราะตอนนี้เขาก็รู้กันทั้งเมืองแล้วว่า รัฐบาลจะจัดซื้อเรือดำน้ำ จัดซื้อรถถัง (และจะมีภาระเรื่องโรงซ่อม โรงจัดเก็บตามมา)

          
อะไร ๆ เกี่ยวกับการจัดซื้ออาวุธ ดูจะถูกทำเป็น "ชั้นความลับ" ทั้งที่ประชาชนจำนวนมากก็บอก เขามีสิทธิที่จะรู้เห็น เนื่องจากเป็นการใช้งบประมาณแผ่นดิน ทางโฆษกรัฐบาลก็ออกมาอ้อม ๆ แอ้ม ๆ ว่า "เพราะไม่มีคนถาม" และ "เพราะ ทร. ให้เป็นชั้นความลับ" แต่ก็ยังยืนยันว่า การจัดซื้อจะเป็นไปอย่างโปร่งใส และมีความคุ้มค่าแน่นอน
          
อันนี้ก็ดู ๆ ว่า มันก็ทำให้ภาพลักษณ์รัฐบาลไม่ได้ว่าจะดีเท่าไรนัก คนก็เอาไปโยงกับการที่เศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้น โพลต่าง ๆ ก็ระบุว่า ปัญหาที่ประชาชนต้องการให้รัฐบาลแก้ไขคือเรื่องเศรษฐกิจ ที่เขาโยงเพราะเห็นว่า แทนที่จะใช้เงินเพื่อแก้ปัญหาปากท้อง แต่ก็กลับไปใช้เงินซื้ออาวุธซึ่งดูไม่จำเป็นกับไทย ณ ขณะนี้
          
พูดถึงโพลเมื่อสักสุดสัปดาห์ก่อน มีการสำรวจถึงเรื่องที่ประชาชนมองภาพลักษณ์รัฐบาลในแง่ดี พบว่าสิ่งที่ยังเป็น "คะแนนบวก" คือการเห็นว่า รัฐบาลยังมุ่งมั่นตั้งใจปราบโกง (แต่ก็ยังมีเสียงเหน็บมาว่า กับหน่วยงานองค์กรอื่นมุ่งมั่นมาก ขณะที่ฝ่ายทหาร กอง ทัพ กลาโหม แทบจะเรียกได้ว่าแดนสนธยา นี่คือสิ่งที่เขารู้สึก จริงเท็จอย่างไรดูข้อเท็จจริงก่อน)ทางสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็มีการให้ข่าวถึงความคืบหน้าในคดีต่าง ๆ เป็นระยะ หรือเปิดเรื่องใหม่มาเป็นระยะ มีการเพิ่มมาตรการในการป้องกัน เช่น ให้รองอธิการบดีชี้แจงบัญชีทรัพย์สิน เพราะหลัง ๆ คดีเกี่ยวกับการศึกษาถูกร้องเรียนเข้ามามาก
          
อะไร ๆ เกี่ยวกับการจัดซื้ออาวุธ ดูจะถูกทำเป็น "ชั้นความลับ" ทั้งที่ประชาชนจำนวนมากก็บอก เขามีสิทธิที่จะรู้เห็น เนื่องจากเป็นการใช้งบประมาณแผ่นดิน ทางโฆษกรัฐบาลก็ออกมาอ้อม ๆ แอ้ม ๆ ว่า "เพราะไม่มีคนถาม" และ "เพราะ ทร. ให้เป็นชั้นความลับ" แต่ก็ยังยืนยันว่า การจัดซื้อจะเป็นไปอย่างโปร่งใส และมีความคุ้มค่าแน่นอน
          
อันนี้ก็ดู ๆ ว่า มันก็ทำให้ภาพลักษณ์รัฐบาลไม่ได้ว่าจะดีเท่าไรนัก คนก็เอาไปโยงกับการที่เศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้น โพลต่าง ๆ ก็ระบุว่า ปัญหาที่ประชาชนต้องการให้รัฐบาลแก้ไขคือเรื่องเศรษฐกิจ ที่เขาโยงเพราะเห็นว่า แทนที่จะใช้เงินเพื่อแก้ปัญหาปากท้อง แต่ก็กลับไปใช้เงินซื้ออาวุธซึ่งดูไม่จำเป็นกับไทย ณ ขณะนี้
          
พูดถึงโพลเมื่อสักสุดสัปดาห์ก่อน มีการสำรวจถึงเรื่องที่ประชาชนมองภาพลักษณ์รัฐบาลในแง่ดี พบว่าสิ่งที่ยังเป็น "คะแนนบวก" คือการเห็นว่า รัฐบาลยังมุ่งมั่นตั้งใจปราบโกง (แต่ก็ยังมีเสียงเหน็บมาว่า กับหน่วยงานองค์กรอื่นมุ่งมั่นมาก ขณะที่ฝ่ายทหาร กอง ทัพ กลาโหม แทบจะเรียกได้ว่าแดนสนธยา นี่คือสิ่งที่เขารู้สึก จริงเท็จอย่างไรดูข้อเท็จจริงก่อน)
          
ทางสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็มีการให้ข่าวถึงความคืบหน้าในคดีต่าง ๆ เป็นระยะ หรือเปิดเรื่องใหม่มาเป็นระยะ มีการเพิ่มมาตรการในการป้องกัน เช่น ให้รองอธิการบดีชี้แจงบัญชีทรัพย์สิน เพราะหลัง ๆ คดีเกี่ยวกับการศึกษาถูกร้องเรียนเข้ามามาก
          
คดีสินบนข้ามชาติก็ขึงขังสอบ คดีที่เป็นตัวอย่างที่อาจเรียกว่า "โบแดง" ของ ป.ป.ช. ได้ คือ คดีสินบนเทศกาลภาพยนตร์ ที่ล่าสุดคือการตามยึดทรัพย์ นางจุฑามาศ ศิริวรรณ อดีตผู้ว่าการ ททท. ที่อยู่ในต่างประเทศ พร้อมกับประกาศขึงขังว่า แม้แต่ทรัพย์สินในต่างประเทศ ทาง ป.ป.ช. จะหาทางติดตามยึดกลับสู่แผ่นดินให้ได้หมด
          
ก็ทำให้คนเกิดความหวังกับการทำงานของ ป.ป.ช. ในคดีสินบนคดีใหญ่ที่เพิ่งถูกปูดขึ้นมา คือ เรื่องสินบนการจัดซื้อจัดจ้างในการบินไทย ที่พอออก มา กลายเป็นลามไปหน่วยงานอื่น โดยในการแถลงข่าวล่าสุดของ ป.ป.ช. ระบุว่า "จะมีคดีสินบนข้ามชาติคดีใหญ่ที่เตรียมชี้มูล ก.ย.นี้" ก็น่าสนใจว่าคดีอะไร
          
อย่างไรก็ตาม ในการประชุมเวิร์กช็อปของ ป.ป.ช.ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเรื่องน่าสนใจอันหนึ่งคือ "บิ๊กกุ้ย พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ" ประธาน ป.ป.ช.พูดในที่ประชุมเรื่องหนึ่งคือ การที่มีเจ้าหน้าที่ลาออกไปอยู่องค์กรอื่น และให้สัมภาษณ์ซ้ำอีกครั้งในทำนองว่า มีเจ้าหน้าที่ลาออกหลายคน เพื่อไปหางานด้านตุลาการหรืออัยการแทน
          
ซึ่งขณะนี้กำลังหามาตรการต่าง ๆ เพื่อ "หยุดเลือดไหลออก" และ "เพิ่มเลือดไหลเข้า" ซึ่งเป็นเรื่องน่าสนใจที่หาก ป.ป.ช. ไม่มีเจ้าพนักงานเพียงพอ การดำเนินคดีอะไรก็เป็นไปได้ล่าช้า และก็ไม่รู้ว่า การที่เลือดไหลออก เป็นเพราะเจ้าหน้าที่ไม่อยากปะทะกับผู้มีอิทธิพลหรือกลุ่มอิทธิพลในการสอบ สวนหรือไม่ แต่ถ้ากระทบการปราบโกง ก็ต้องเร่งหาทางออก
          
หรือรัฐบาลจะพิจารณามาตรการจูงใจ มาตรการ ติดดาบเร่งรัดคดี มาตรการป้องกันการถูกข่มขู่ เพื่อให้งานที่คนมองว่าเป็นผลงานนี้ มีกระแส มีความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ก็ลองไปคิดดู.

- - สำนักข่าว เดลินิวส์ วันที่ 26 เมษายน 2560 - -