ประเด็นร้อน

ปลูกจิตสำนึกสางปม'ฟอกเงิน'

โดย ACT โพสเมื่อ May 26,2017

บทบรรณาธิการ

- -สำนักข่าว กรุงเทพธุรกิจ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2560- -

กรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกหมายเรียก นายอนันต์ อัศวโภคิน ประธานและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เข้ารับทราบข้อกล่าวหาสมคบกัน ฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน ในวันที่ 7 มิ.ย.นี้ หลังพบหลักฐาน โยงว่า อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด นำเงินของสหกรณ์มาซื้อหุ้นทั้งหมด หรือเทคโอเวอร์ บริษัทเอ็ม-โฮม เอสพีวี 2 จำกัด โดยทรัพย์สินทั้งหมดของบริษัทนี้ เป็นที่ดิน ส่วนหนึ่งตั้งอยู่ในอ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
          
ต่อมามีการทำหนังสือสัญญาว่าขายต่อที่ดินให้นายอนันต์ และนายอนันต์บริจาคให้กับวัดพระธรรมกาย โดยมูลนิธิคุณยาย จันทร์ขนนกยูง ซึ่งอยู่ในความอุปถัมภ์ของพระธัมมชโย แต่ที่ดิน ยังถือครองอยู่ในชื่อของนายอนันต์ จึงอาจเข้าข่ายร่วมกันฟอกเงิน หลังจากนี้พนักงานสอบสวนยังต้องพิสูจน์เส้นทางการเงินว่ามีการ ซื้อขายและจ่ายเงินกันจริงหรือไม่ เพราะอาจเป็นการทำสัญญาลวง และอาจมีอีกหลายกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินดังกล่าว  
          
แม้ว่าจะเป็นเพียงการออกหมายเรียกนายอนันต์ให้มา รับทราบข้อกล่าวหา และหากนายอนันต์มีความผิดฐานฟอกเงินจริง ก็เป็นคดีเฉพาะบุคคลไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ ทว่าต่อมา นายอนันต์ ได้ยื่นใบลาออก จากตำแหน่งประธานกรรมการและกรรมการธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ และบริษัทในกลุ่มแลนด์ทั้งหมด ยุติข้อกังขาในเรื่องคุณสมบัติการเป็นผู้บริหารของบริษัทจดทะเบียนหรือบริษัทที่ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ ที่ส่อผิดพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) หลักทรัพย์  
          
ก่อนหน้าคดีดังกล่าว ยังมีข้อกล่าวหาร่วมกันฟอกเงินทละ สมคบกันฟอกเงินในคดียาเสพติด เมื่อสำนักงานกรรมการป้องกัน และปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ได้สำนวนคดีดังกล่าว มีผู้ต้องหา 5 ราย ประกอบด้วย นายณัฐพล นาคคำ หรือบอย, นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง, นายสรรเสริญ รสานนท์, นางสาวอังสุพร อินา รวมไปถึง นางสาวณปภา ตันตระกูล หรือ แพท นักแสดงชื่อดัง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาคดี นำมา ซึ่งการอายัดไว้รถยนต์หรู และจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ ซึ่งมีหลักฐาน เชื่อได้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้เงินจากนายณัฐพล โดยจะรอให้นายอัครกิตติ์ มาชี้แจงว่าได้มาด้วยความสุจริตจริงหรือไม่
          
จะว่าไปแล้ว การฟอกเงิน หรือการนำเงินใต้ดินที่ได้มาจาก การกระทำผิดกฎหมาย มาฟอกให้กลายเป็นเงินขาวสะอาด ด้วยการนำมาอยู่ในระบบที่ถูกกฎหมาย เช่น นำเงินไปลงทุนใน ธุรกิจ หรือ ซื้อสังหาริมทรัพย์ อสังหาริมทรัพย์ เป็นอาทิ เกิดขึ้น อย่างกว้างขวางในทุกวงการ ไม่ว่าจะเป็นแวดวงการเมือง ไปจนถึงภาคธุรกิจ หรือประชาชนทั่วไป กลายเป็นปัญหาหยั่งรากลึกใน สังคมไทยที่ยากจะเยียวยา ตราบที่สังคมไทยยังมีความเหลื่อมล้ำ คนจนอยากลืมตาอ้าปาก ขณะที่คนรวยอยากรวยขึ้น ส่วนหนึ่ง อาจเกิดจากความโลภบังตา  
          
ขณะที่สังคมไทยเป็นระบบอุปถัมภ์ ที่อาจเปิดช่องให้เกิด การทุจริต แม้จะมีองค์กรตรวจสอบ องค์กรเหล่านี้ก็อาจกลายเป็น "เสือกระดาษ" ที่สุดท้ายจับขาใหญ่มาลงโทษได้ยาก หรือจับได้แต่ "แพะ" หรือผู้อยู่หางแถวของความผิด รวมถึงผู้ที่ไม่ได้กระทำความผิด มารับโทษแทน อย่างที่ปรากฏเป็นข่าวบ่อยครั้ง  
          
การ "ปลูกจิตสำนึก" ในเรื่องความซื่อสัตย์ สุจริต การมี "ธรรมาภิบาล" จึงถือเป็นเรื่องใหญ่ของสังคมไทย ที่สถาบันครอบครัว สถาบันการศึกษา รวมถึงผู้คนทุกภาคส่วนของสังคม ต้องปลูกฝัง เรื่องนี้ให้ถึงแก่น สังคมต้องยกย่องคนดี มากกว่า ยกย่องเงินของ คนรวยผู้ขาดจิตสำนึก เหล่านี้อาจเป็นเพียงอุดมคติ ที่ไม่อาจเกิดขึ้น ในภาพรวมของสังคมได้เลย  หากไม่เริ่มต้นวันนี้