ประเด็นร้อน

ล้างทุจริตในกรมศุลกากร

โดย ACT โพสเมื่อ Jun 13,2017

 บทบรรณาธิการ : ล้างทุจริตในกรมศุลกากร


- - สำนักข่าว แนวหน้า วันที่ 13/06/60

กรมศุลกากรได้ชื่อว่าเป็นหน่วยงานของรัฐ ที่ตกเป็นข่าวอื้อฉาวและถูกจัดอันดับให้เป็นหน่วยงานที่มีการทุจริตมากที่สุดในระดับต้นๆของประเทศเพราะเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าและส่งออกสินค้าระหว่างประเทศที่จะต้องเสียภาษีและค่าธรรมเนียมแก่รัฐมูลค่ามหาศาลในแต่ละปี จึงเป็นแรงจูงใจให้เกิดกิเลสประกอบกับกฎหมายและระเบียบมีช่องโหว่ให้มีการทุจริต
          
จึงไม่แปลกที่รัฐบาลพรรคธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมที่ผ่านๆ มาเมื่อได้อำนาจเข้ามาเป็นรัฐบาลจะเล็งกรมศุลกากรจะเป็นหน่วยงานเกรดเอที่จะต้องผลักดันคนของตัวเองเข้ามาคุมอำนาจการบริหารเพื่อเป็นช่องทางโกงชาติปล้นแผ่นดินซึ่งแต่ละปีมีมูลค่ามหาศาล
          
ตัวอย่างล่าสุดที่สะท้อนให้เห็นการทุจริตของกรมศุลกากรก็คือกรณีข่าวที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตรวจค้นและอายัด รถหรู 160 คัน ที่ต้องสงสัยว่านำเข้าโดยเลี่ยงการจ่ายภาษีเป็นรายได้แผ่นดินมูลค่ามหาศาล โดย ดีเอสไอเตรียมดำเนินคดีเอาผิดกับเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร 9 ราย ซึ่งในจำนวนนี้มีอดีตรองอธิบดีกรมศุลกากร รวมอยู่ด้วยเพราะมีส่วนร่วมในการคืนภาษีให้แก่บริษัทเอกชนที่นำเข้ารถหรูจากต่างประเทศ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายทำให้รัฐเสียผลประโยชน์จำนวนมาก คิดเป็นมูลค่า หลายหมื่นล้านบาท ซึ่งเงินมหาศาลอันเป็นรายได้ ของแผ่นดินที่พึงได้เหล่านี้ หากนำมาพัฒนาประเทศจะสามารถผลักดันโครงการขนาดใหญ่ได้หลายโครงการทีเดียว การทุจริตโดยกรมศุลกากรมีหลากหลายรูปแบบมากมายนับตั้งแต่ระดับพื้นฐานตั้งแต่ข้าราชการรับเงินใต้โต๊ะจาก ผู้มาติดต่อราชการเพื่ออำนวยความสะดวก ซึ่งหากไม่จ่ายเงินใต้โต๊ะก็อาจถูกดึงเรื่องให้ล่าช้าไปจนกระทั่งการทุจริตระดับนโยบาย โดยนักการเมืองและข้าราชการระดับสูงของกรมศุลกากร
          
การทุจริตถึงขั้นมีการปลอมแปลงเอกสารของทางราชการโดยเฉพาะบริษัทข้ามชาติที่เข้ามาลงทุนและรับการส่งเสริมการลงทุนโดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) จะเป็นผู้ออกใบอนุญาต แต่กลับมีรายงานข่าวว่าบริษัทข้ามชาติหลายบริษัท โดยเฉพาะสินค้าที่เกี่ยวกับรถ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ มีการออกใบอนุญาตปลอมให้กับบริษัทข้ามชาติ ซึ่งบีโอไอยืนยันว่าไม่เคยออกใบอนุญาตดังกล่าว ซึ่งเมื่อตรวจสอบจึงรู้ว่าเป็นใบอนุญาตปลอมซึ่งแน่นอนว่าต้องออกโดยกรมศุลกากร
          
ทั้งนี้บริษัทข้ามชาติกับผู้มีอำนาจทางการเมือง รวมทั้งข้าราชการมักสมคบกันทุจริตมาทุกยุคทุกสมัย และหลายบริษัทกระทำความผิดชัดเจนแต่ก็ยังลอยนวล ขณะที่ขบวนการที่กระทำผิดหลายกรณีกำลังใกล้หมดอายุความในทางคดี
          
ดังนั้นภายใต้อำนาจรัฐปัจจุบัน ซึ่งมี นโยบายปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่ และเอาจริงกับการขจัดทุจริตคอร์รัปชั่นทุกรูปแบบอย่างเด็ดขาด จึงควรกวาดบ้านล้างสิ่งสกปรกในกรมศุลกากรครั้งใหญ่อย่างจริงจัง โดยเอาผิดทั้งข้าราชการ บริษัทเอกชน และผู้ที่เกี่ยวข้องที่สมคบกันโกงชาติปล้นแผ่นดินปีละมูลค่ามหาศาล ทั้งในอดีตและปัจจุบันเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง