ประเด็นร้อน

ปปช.แฉขรก.ช็อปยา-ขายต่อ3ฝ่าย

โดย ACT โพสเมื่อ Jul 21,2017

 - - สำนักข่าว ข่าวสด วันที่ 21/07/60 - -

          
วันที่ 20 ก.ค. ที่สำนักงานป.ป.ช. นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการป.ป.ช. แถลงว่า ที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.มีมติส่งข้อเสนอแนะต่อครม.ในการวางมาตรการป้องกันการทุจริตในกระบวนการเบิกจ่ายยาตามสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ สืบเนื่องจากปัญหาค่าใช้จ่ายในระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลของข้าราชการที่อัตราเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง เช่นปี 2545 ใช้งบ 46,481 ล้านบาท ปี 2559 ใช้ 71,016 ล้านบาท คณะกรรมการ ป.ป.ช.จึงมอบหมายให้ตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อศึกษาเรื่องดังกล่าว มีนายปรีชา เลิศกมลมาศ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธาน จากการศึกษาและวิเคราะห์ของคณะอนุกรรมการร่วมกับสำนักงานป.ป.ท. ดีเอสไอ กรมบัญชีกลาง เป็นต้น ได้ข้อมูลว่าระบบการควบคุมการเสนอการขายยา การสั่งจ่ายยา และการใช้สิทธิรักษาพยาบาลเพื่อลดค่าใช้จ่ายดังกล่าวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเกิดจากหลายปัจจัย และเกี่ยวข้องโยงใยเครือข่ายการทุจริต 3 กลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มผู้ใช้สิทธิและเครือญาติ กลุ่มสถานพยาบาลและบุคลากรในสถานพยาบาล และกลุ่มบริษัทจำหน่ายยา
          
"พฤติการณ์แบ่งเป็น 2 อย่าง คือ ช็อปปิ้งยา โดยกลุ่มผู้ใช้สิทธิและเครือญาติ ตระเวนใช้สิทธิตามโรงพยาบาลต่างๆ หลายแห่งในช่วงเวลาใกล้เคียงกันเพื่อขอรับยาเกินแล้วนำมาขายต่อ กับยิงยา คือ บุคลากรในสถานพยาบาลสั่งจ่ายยาเกิน หรือยาที่ไม่มีความจำเป็นกับผู้ป่วยเพื่อทำยอด และร่วมกับบริษัทจำหน่ายยา มีการจ่ายค่าคอมมิสชั่น การเสนอผลประโยชน์ให้จากยอดจำหน่ายหลายรูปแบบ เช่น ตัวเงิน ยาแถม หรือการดูงานต่างประเทศ" นายสรรเสริญกล่าว
          
นายสรรเสริญกล่าวว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.เสนอครม.เพื่อแก้ไขปัญหา เช่น ผลักดันยุทธศาสตร์การใช้ยาอย่างสมเหตุผล มากกว่าคำนึงถึงผลประโยชน์จากบริษัทยาซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ของกระทรวงสาธารณสุขอยู่แล้ว เสนอให้มีศูนย์ประมวลข้อมูลสารสนเทศด้านยา เชื่อมโยงโรงพยาบาลทุกสังกัดและกรมบัญชีกลางเพื่อตรวจสอบการใช้สิทธิ รวมถึงกำหนดหลักเกณฑ์การจัดซื้อยาเพื่อป้องกันการซื้อยา โดยมีผลประโยชน์ต่างตอบแทน และนำหลักจริยธรรมเกี่ยวกับการส่งเสริมการขายยารวมกับกฎหมายของ ป.ป.ช.มาเป็นเกณฑ์จัดซื้ออย่างเคร่งครัด
          
รายงานข่าวแจ้งว่า วันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา เลขาธิการครม.ส่งหนังสือตอบกลับประธานป.ป.ช. กรณีดังกล่าว โดยระบุนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ มีคำสั่งมอบหมายกระทรวงสาธารณสุข เป็นหน่วยงานหลักพิจารณาเรื่องนี้ร่วมกับกระทรวงการคลัง สปสช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และแจ้งผลดำเนินการกลับมาที่ สำนักเลขาธิการครม.ภายใน 30 วัน