ประเด็นร้อน

ผ่าทางตัน'กรุ๊ปลีส'จี้บอร์ดร่วมมือให้ข้อมูลผู้สอบบัญชี-นักลงทุนตัดใจขายไม่ลง

โดย ACT โพสเมื่อ Nov 02,2017

- - สำนักข่าวฐานเศรษฐกิจ - -

 

วิกฤติความเชื่อมั่นหุ้น GL กระทบ หลังผู้สอบบัญชี EY แก้ไขความเห็น "ไม่แสดงความเห็น" งบการเงินปี 2559 และไตรมาส 1-2 /2560 หลายฝ่ายหาทางออก ทั้งการคืนเงิน 54 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ, ดึงสถาบันถือหุ้น

   

ภายหลังจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต) สั่งบริษัท กรุ๊ปลีสฯ (GL) แก้ไขงบการเงินปี 2559, งบการเงินไตรมาส 1 -2 / 2560 ให้ถูกต้อง จากกรณี การกล่าวโทษผู้บริหาร GL ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ในความผิดเกี่ยวกับการทุจริต เข้าข่ายเป็นธุรกรรมอำพราง การยักยอก ยินยอมให้ลงบัญชีและทำบัญชีไม่ตรงต่อความเป็นจริง จึงมีผลทำให้งบการเงินของ GL แสดงรายการเงินให้กู้ยืมสูงกว่าความเป็นจริง 54 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และอัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมตามสัญญาอยู่ที่ 14-25% ต่อปี จึงส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยจากการประกอบธุรกิจสูงกว่าความเป็นจริงไปด้วย

 

ปรากฏว่า วันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา GL ได้ส่งงบการเงินที่ผู้สอบบัญชีได้เปลี่ยนแปลงความเห็นจากเดิม "แสดงความเห็นแบบไม่มีเงื่อนไข แต่เปิดเผยแบบเน้นถึงข้อมูลและข้อสังเกต" มาเป็น "การไม่แสดงความเห็นต่องบการเงินอีกต่อไป" สำหรับงบปี 2559, งบไตรมาส 1-2 /2560 ส่งผลให้งบการเงินดังกล่าวไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมที่แจ้งไว้ (ตามตาราง)

    

ทั้งนี้ ผู้สอบบัญชีกล่าวถึงสาเหตุ "การไม่แสดงความเห็น" ว่า ผู้บริหารรายนั้น ซึ่งหมายถึงนายมิทซึจิ โคโนชิตะ" ยังอาจต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรมยังไม่สิ้นสุด ผู้สอบบัญชีซึ่งปฏิบัติหน้าที่ภายใต้ข้อจำกัดที่จะเข้าถึงข้อมูลที่แท้จริงของรายการเหล่านี้ ที่อาจจะไม่ได้นำมาเปิดเผย หากผู้กู้เป็นบุคคลในบริษัทเอง จึงไม่สามารถดำเนินการใดๆ เพิ่มเติมได้ นอกจากรอผลการพิจารณาและการดำเนินการโดยหน่วยงานราชการที่มีอำนาจตรวจสอบและสืบสวนมากกว่าผู้สอบบัญชี เพื่อค้นหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมให้เป็นที่ประจักษ์

 

เชิงข่าวในการสืบสวน เปิดเผยว่า  สำนักงานก.ล.ต. จับมือกับก.ล.ต. ไซปรัส ได้สืบหาข้อมูลกระทั่งพบว่า อดีตผู้บริหาร เป็นผู้ที่มีอำนาจคนเดียวในการปล่อยกู้บริษัทลูก 2 แห่งที่ GL ปล่อยกู้ไปจำนวน 54 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเป็นคนเดียวที่มีอำนาจในการเบิกเงินก้อนนี้ มีความเป็นไปได้ว่า นำเงินไปปล่อยกู้ให้พรรคพวกในการทำหุ้น GL อย่างไรก็ตาม หากนำเงินก้อนนี้ 54 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มาคืน GL ปัญหาจะคลี่คลายลง และบริษัทต้องเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมา โดยการหาสถาบันพันธมิตรใหม่ มาถือหุ้น เป็นการล้างภาพเก่าๆ ของบริษัท

 

"ธุรกิจของ GL ยังดี มีระบบการปล่อยสินเชื่อที่ทันสมัย ใช้ฟินเทค การบุกตลาดต่างประเทศเติบโตเร็ว แต่ปัญหาคือ การให้อำนาจอดีตผู้บริหารเพียงคนเดียวเซ็นเบิกเงินไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ กรณีนี้ถ้านำเงิน 54 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มาคืน ก็จะไม่เกิดความเสียหายต่อ GL หลังจากนั้นดึงพันธมิตรใหม่มาถือหุ้น ล้างปัญหาความไม่เชื่อมั่น ถือเป็นทางออกที่ดี" แหล่งข่าวกล่าว

 

ด้านผู้เชี่ยวชาญบัญชี กล่าวว่า สำนักงานสอบบัญชี ไม่สามารถบอกเลิกการเป็นผู้ตรวจสอบบัญชีได้ เนื่องจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นแต่งตั้งแล้ว การลาออกต้องมีเหตุทำงานไม่ได้เพราะอะไร กรณีนี้เชื่อว่า อีวาย ต้องหาผู้สอบบัญชีคนใหม่ หรือตั้งคนที่ 3 ขึ้นมาตรวจสอบงบกรณีพิเศษ

 

"ประเด็นของ GL ลูกหนี้ 2-3 ราย จะเรียกคืนหนี้ได้หรือไม่ เกี่ยวโยงอย่างไรกับผู้บริหาร เรื่องนี้คณะกรรมการบริษัท ต้องคลี่คลาย หาข้อมูลข้อเท็จจริงมาให้ เพื่อแก้ปัญหาขณะนี้" ผู้เชี่ยวชาญบัญชีกล่าว

 

ด้านนักลงทุนรายใหญ่ กล่าวว่า การแก้ไขงบการเงิน กระทบความเชื่อมั่นการลงทุน และได้รับความเสียหายอย่างมากจากราคาหุ้น GL ที่ปรับตัวลง ขณะนี้ไม่สามารถตัดใจขายได้ และต้องถือต่อไปจนกว่าบริษัทแก้ไขปัญหาหนี้ 54 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ได้

 

 

 

 

#ACTองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน

 

Follow LINE: http://bit.ly/2luX9Dt
Follow Facebook: http://bit.ly/2z1Dxvw
 

 

 

 

WebSite : http://www.anticorruption.in.th