ประเด็นร้อน

แค่นาฬิกาเรือนเดียวก็พังได้

โดย ACT โพสเมื่อ Dec 12,2017

 - - สำนักข่าวไทยโพสต์ - -

 

คอลัมน์ : เปลว สีเงิน คนปลายซอย

 

ผักกาดหอม

          นายหัวชวนพูดถูกครับ.....

          พรรคประชาธิปัตย์แจ้งให้สมาชิกพรรคทราบ ไม่ ต้องเรียกร้องเรื่องที่รัฐบาลยังไม่มีท่าทีปลดล็อกพรรค การเมือง

          เหตุผล....

 

          ....เพราะมีคนรับผิดชอบอยู่ เขาจะรู้เองว่าหากทำช้าเสียหายก็ต้องรับผิดชอบ

          ไม่ต้องเรียกร้องเพราะชาวบ้านที่เบื่อเรื่องการเมืองจะรำคาญ

          รัฐบาลจะต้องพิจารณาเองว่าภายใต้เงื่อนเวลามีอะไรต้องทำ เมื่อไหร่ อย่างไร ดูให้เหมาะสม

          ซึ่งตามกฎหมายก็มีกรอบเวลาบังคับไว้ เช่นวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๑ ก็ต้องแจ้งฐานสมาชิกพรรคให้ กกต.รับทราบ

          จึงต้องถามรัฐบาลว่าจะดำเนินการอย่างไร พรรคจะไม่เรียกร้องใดๆ แต่ถ้าเกิดปัญหาก็อย่าปฏิเสธความรับผิดชอบ....

          ก็เป็นหน้าที่ของ คสช.ที่ต้องตอบ และสร้างความชัด เจน ในฐานะที่เป็นเจ้าของโรดแมป

          เพราะ ๕ มกราคม ๒๕๖๑ เหลือเวลาไม่กี่วัน

          แต่ถ้าจะเลื่อนการเลือกตั้งออกไปอีกสักปีคือไปเลือกกันปลายปี ๒๕๖๒ ก็ต้องบอกประชาชนให้ชัดเจน

          เพราะอย่างน้อยเวลาอีก ๒ ปีที่เหลือ ประชาชนจะได้รับรู้ว่า คาดหวังอะไรจากรัฐบาล คสช.ได้บ้าง

          ถ้าจะหันกลับไปที่ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องที่มวลมหาประชาชนร้องขอมาโดยตลอด ด้วยเวลา ๒ ปี ก็สามารถทำได้หลายเรื่อง

          นักการเมืองไม่พอใจไม่เป็นไรปล่อยให้รอไป

          แต่ขอให้ประชาชนได้อุ่นใจว่า รัฐบาล คสช.จะนำพาประเทศสู่การปฏิรูปในบางประเด็นได้จริง เช่นปฏิรูปตำรวจ ปฏิรูปการเมือง ปฏิรูปการปราบปรามคอร์รัปชัน เป็นต้น

          ก็ต้องย้ำกันหลายรอบว่า ขอให้มีความชัดเจน

          อย่าปล่อยให้เกิดความคลุมเครือเหมือนที่เป็นอยู่

          การที่คุณชวนยกประเด็น "ผู้รับผิดชอบ" ขึ้นมา รัฐบาลและ คสช.ก็ต้องคิดตาม เพราะท่านเป็นผู้กำหนดกติกา

          จริงอยู่ครับว่าประชาชนเบื่อนักการเมือง เพราะประเทศฉิบหายวายป่วงก็เพราะนักการเมืองโกงกิน  เกิดความขัดแย้งตามมาเป็นลูกโซ่

          ประชาชนต้องการให้ทหารเข้ามาสะสางปัญหา

          และวันนี้รัฐบาล คสช.ทำได้ไม่ขี้เหร่

          หลายๆ เรื่องที่รัฐบาลจากการเลือกตั้งดองเอาไว้นับทศวรรษ ก็มาลุล่วงในรัฐบาลนี้

          วันนี้หากมีกติกาว่า รัฐบาล คสช.ต้องอยู่ต่ออีก ๕ ปี ๑๐ ปี ประชาชนก็เต็มใจ จะได้มีเวลาปฏิรูปประเทศให้เสร็จสิ้นในรัฐบาลนี้

          เพราะไม่แน่ใจว่ารัฐบาลถัดไปจะให้ความสำคัญต่อการปฏิ รูปประเทศแค่ไหน

          แต่...ในความเป็นจริง เมื่อวันนี้เรามีโรดแมปที่ประกาศโดย คสช.

          มีรัฐธรรมนูญที่กำหนดเงื่อนเวลาต่างๆ เอาไว้ว่าต้องทำอะไรบ้าง

          มีกฎหมายลูกที่ทยอยออกมาเพื่อรองรับการเลือกตั้ง

          นั่นคือเจตจำนงว่า ประเทศไทยจะเดินไปสู่การเลือกตั้ง

          หากไม่ยึดเอากติกาเสียเลย

          แล้วจะยึดอะไร?

          จะยึดเอาความพอใจของใครคนใดคนหนึ่ง หรือคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง อย่างนั้นหรือ?

          บ้านเมืองเป็นเรื่องของคนหมู่มาก เป็นเรื่องของความต้อง การที่หลากหลาย ความชัดเจนว่าจะเดินไปทางไหน จึงมีความสำคัญยิ่งกว่าอื่นใด

          ถ้าปราศจากความชัดเจน มันก็จะพัฒนาไปสู่ความยุ่งเหยิง

          การอ้างเรื่อง อาวุธสงคราม หรือมีกลุ่มการเมืองเคลื่อน ไหว มาเป็นเหตุไม่ปลดล็อกพรรคการเมือง  หากมองในมุมกลับ พรรคการเมืองที่กระสันจะเลือกตั้งมีทางเลือกเดียวคือ

          ต้องหยุด!

          ไม่หยุดคือไม่เลือกตั้ง

          ถามว่าพรรคการเมืองเหล่านี้คิดอย่างไร

          ฉะนั้นอย่าทำให้เกิดความยุ่งยาก

          เมื่อมีกติกาแล้ว ก็ควรเดินตาม

          มีอุปสรรคขวางกั้นก็แก้ไขปัญหากันไป

          แต่ย้ำอีกที ความชัดเจนต้องมี...

          นี่ก็ชัดเจนไปอีกเรื่อง

 

          ผู้สื่อข่าวเขารายงานว่า จากกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ใส่นาฬิกาแบรนด์เนม ยี่ห้อ ริชาร์ดมิลล์ รวมทั้งใส่แหวนเพชรเป็นเครื่องประดับ ขณะร่วมถ่ายภาพกับคณะรัฐมนตรี ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ ๔ ธันวาคมที่ผ่านมา แต่เครื่องประดับที่ว่านี้ ไม่มีแจ้งไว้ในบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ที่ยื่นไว้กับ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นั้น "บิ๊กป้อม" ทำหนังสือชี้แจง ป.ป.ช.ไปแล้ว

 

          คาดว่าหนังสือจะถึงมือ ป.ป.ช.วันที่ ๑๒ ธันวาคม เพราะวันที่ ๑๑ ธันวาคม เป็นวันหยุดราชการ

          ก็รับทราบตามนั้น

          ประเด็นที่ชี้แจงคร่าวๆ คือ

          แหวน เป็นของแม่

          ส่วนนาฬิกาหรู เป็นของเพื่อนนักธุรกิจ

          ครับ....บอกตรงๆ อยากเห็นหน้าคนแนะนำ

          ถ้าจริงตามนี้ ฉิบหาย! ตายคานาฬิกา

          เพราะอะไร?

          ลองกลับไปฟังที่ "นายกฯ ลุงตู่" พูดในงานวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย) เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาซิครับ

 

          "...หลายคนต้องการทำความดี ดังนั้นเราต้องสร้างวัฒนธรรม ที่ดีแก่คนไทย แม้จะยากพอสมควร แต่ต้องเร่งสร้างการรับรู้ สร้างวัฒนธรรมใหม่ให้เกิดขึ้น

          โดยไม่ยอมรับการทุจริต ไม่ยอมให้มีการซื้อขายตำแหน่งข้าราชการ รวมทั้งการจัดซื้อจัดจ้างต้องโปร่งใส ป้องกันการให้สิทธิประโยชน์ และใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายเพื่อเอื้อประโยชน์แก่ตัวเอง การคอร์รัปชัน ไม่ใช่แค่ให้เงินให้ทอง แต่มีในลักษณะการเอื้อประโยชน์ต่อกัน หรือที่เรียกว่าการอำนวยความสะดวก ซึ่งไม่ได้มีเฉพาะในประเทศไทย แต่เกิดขึ้นได้ทุกที่

          การทุจริตมีอยู่สองทาง คือผู้ให้และผู้รับ มีทั้งทางตรงและทางอ้อม และบางครั้งก็มีนายหน้าก่อให้เกิดการทุจริต และเราจะต้องแก้ไขปัญหาให้ได้

          ถ้ามีแอบอ้างไม่ว่าจะชื่อนายกฯ หรือชื่อใคร เพื่อทุจริต ขอให้ส่งเรื่องมาที่สำนักนายกรัฐมนตรี ผมจะดูแลอย่างเต็มที่ ตรวจสอบอย่างละเอียด เพราะถ้าแก้ไขปัญหาตรงนี้ไม่ได้ ทุกอย่างก็ไม่สามารถเดินหน้าได้

 

          ประเทศไทยมีระบบเครือญาติ พรรคพวก และคนรู้จัก ทั้งนี้ ในฐานะที่ผมเป็นหัวหน้ารัฐบาล ก็ระมัดระวังตัวเองมาโดยตลอด

          จะเห็นว่าผมไม่ไปยุ่งกับใคร ไม่คบกับใคร โดยเฉพาะคนที่จะมาให้ประโยชน์กับผม และใครจะมาหาผมที่บ้าน ผมก็ไม่ให้มา ไม่เคยเปิดบ้านต้อนรับใคร เราต้องเริ่มที่ตัวเราเองก่อน

          และนอกจากปัญหาผู้ให้และผู้รับ กลุ่มนายหน้า เราต้องไปดูด้วยว่า เงินที่สะพัดออกมาจากธุรกิจที่เอื้อประโยชน์ ถูกนำไปใช้ในที่ต่างๆ อย่างไร เพราะเงินพวกนี้ใช้ง่าย ส่วนใหญ่ถูกนำไปใช้กับผู้มีรายได้น้อย แล้วก็ถูกบิดเบือน ข้อมูลถูกแพร่สะพัดในทางที่ไม่ถูกต้อง

          รัฐบาลจึงต้องเอาจริงเอาจัง เร่งสร้างความเข้มแข็ง กระจายรายได้แก่ประชาชน เช่น โครงการบัตรผู้มีรายได้น้อย เป็นต้น อย่างไรก็ดี รัฐบาลพยายามตรวจสอบในทุกโครงการ ไม่ว่าจะเป็นโครงการใหญ่หรือโครงการเล็ก..."

 

          เห็นอะไรในคำพูดของ "ลุงตู่" หรือเปล่า

          ถ้า "บิ๊กป้อม" อ้างว่า นาฬิกาเป็นของเพื่อนนักธุรกิจจริง เห็นที "ลุงตู่" ต้องจับไปปรับทัศนคติ เอาให้สมองใสสักที

          ล่อแหลมมากครับกับการอ้างถึงเพื่อนนักธุรกิจ

          เพราะไม่รู้ธุรกิจอะไร มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดแค่ไหนอย่างไร

          ที่สำคัญ นาฬิกาที่ได้มา เป็นการตอบแทนหลังการทำธุรกิจหรือไม่

          หรือชอบพอเป็นการส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับธุรกิจใดๆ ทั้งสิ้น

          ทำไม "ลุงตู่" ถึงพูดว่าต้องระมัดระวังตัวเองเรื่องระบบเครือญาติ พรรคพวก คนรู้จัก ถึงขนาดไม่ยุ่งกับใคร ไม่คบกับใคร โดยเฉพาะคนที่จะมาให้ประโยชน์

          ใครจะไปหาที่บ้าน ก็ไม่ให้ไป ไม่เคยเปิดบ้านต้อนรับใคร!

          ก็เพราะมันจะถูกโยงไปเรื่องผลประโยชน์ต่างตอบแทนได้โดยง่าย ยิ่งกับบุคคลที่มีอำนาจมากด้วยแล้ว ยิ่งต้องหลีกเลี่ยง

          เมื่อ "ลุงตู่" ย้ำว่า "เราต้องเริ่มที่ตัวเราเองก่อน"

          แล้ว "บิ๊กป้อม" ระวังเรื่องแบบนี้หรือเปล่า

          มันกลายเป็นว่าจบยาก!  เพราะ "บิ๊กป้อม" ฉลองวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล ได้สะเด็ดสะเด่า ถูกใจแม่ยกจริงๆ

          คุณชวน ก็พูดเอาไว้ให้คิด

 

          "....ปราบคอร์รัปชัน เป็นเรื่องของภาคปฏิบัติ จริงๆ แล้วนโยบายเขียนไว้อย่างไรก็ตาม จะไพเราะเพราะพริ้ง จะทำสัญลักษณ์ ใส่เสื้อยืด หรือตราอะไร จับมือกันกี่คน หรือวิธีไหนก็ตาม ไม่ได้มีผลถ้าไม่ปฏิบัติ ดังนั้นปัญหาต่างๆ จึงอยู่ที่ภาคปฏิบัติ การต่อต้านถึงจะเกิดขึ้นจริงๆ...."

 

          จริงครับการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันที่ไม่ได้ผลเพราะ ที่ผ่านมามีแต่คนพูด แต่ไม่ลงมือทำ

          คุณชวน ถูกแซวว่า กาแฟแก้วเดียวไม่เคยเลี้ยงใคร มีคนไปขยายความว่า "งก"

          ไม่ครับ นั่นเข้าใจผิด!

          ความหมายที่แท้จริงคือการใช้ชีวิตสมถะ ไม่มี ไม่รับผลประโยชน์จากใคร

          แต่นั่นก็เฉพาะคุณชวน

          ก็เหมือนกับ "ลุงตู่" วันนี้ยังไม่รู้ว่าบ้านอยู่แถวไหนเลย เพราะไม่เคยเปิดบ้านให้ใครเข้าด้วยซ้ำ

 

          แล้ว "บิ๊กป้อม" ล่ะ?

 

 

 

 

 

 

#ACTองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน

 

Follow LINE: http://bit.ly/2luX9Dt
Follow Facebook: http://bit.ly/2z1Dxvw