ประเด็นร้อน

ระบบที่ล้มเหลว

โดย ACT โพสเมื่อ Mar 19,2018

- - สำนักข่าวคมชัดลึก - -

 

รัฐบาลยังคงเดินหน้าตรวจสอบการทุจริตเงินอุดหนุนผู้ยากไร้ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์อย่างต่อเนื่อง ตลอดสองเดือนหลังมีข่าวขึ้นมาพบทุจริตงบคนจนและผู้ติดเชื้อเอดส์แล้วกว่า 50 จังหวัด จากทั้งหมด 76 จังหวัด รวมเป็นเงินกว่า 100 ล้านบาท โดยทำกันเป็นขบวนการและวิธีการในแต่ละจังหวัดก็มีความคล้ายคลึงกัน จึงเป็นไปได้ว่าการทุจริตดังกล่าวคงไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งจะเกิดขึ้น น่าจะทำกันสะสมต่อเนื่องมาหลายปีแล้ว โดยขบวนการนี้นอกจากจะมีข้าราชการในพื้นที่และคนใกล้ชิดซึ่งอาจเป็นญาติพี่น้องแล้ว พบหลักฐานเชื่อมโยงกลุ่มบุคคลซึ่งอาจจะมีข้าราชการระดับสูงหรือนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง โดยพบร่องรอยการโอนเงินส่งส่วยกันเป็นทอดๆ ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถโกงเงินคนจนได้ค่อนประเทศกันแบบนี้ได้อย่างแน่นอน

 

แม้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จะประกาศนโยบายลดความเหลื่อมล้ำโดยจัดสรรโครงการต่างๆ เพื่อช่วยเหลือคนจนในหลายๆ รูปแบบ และเน้นย้ำในเรื่องการตรวจสอบการทุจริตอย่างเข้มแข็งก็ตาม แต่ก็ยังมีข้าราชการนอกแถวที่ทำตัวเป็นเหลือบไรคอยแทะเม็ดเงินที่แจกจ่ายให้คนยากไร้เหล่านี้ ส่งผลต่อประเทศชาติโดยรวม ซึ่งล่าสุด "สวนดุสิตโพล" มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในหัวข้อ "ประชาชนคิดอย่างไรกับข่าวทุจริต ณ วันนี้" หลังจากที่มีข่าวออกมาให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่าเป็นปัญหาใหญ่ที่มีมานานทุกยุคทุกสมัย สร้างความเสียหายต่อประเทศชาติ และอยากให้แก้ปัญหาอย่างจริงจัง มีการตรวจสอบ รื้อระบบภาครัฐครั้งใหญ่

 

นอกจากนี้ข่าวการทุจริตที่เกิดขึ้นมีผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ เพียงใดนั้น ร้อยละ 40.97 เห็นว่ามีผลมาก เพราะกระทบต่อภาพลักษณ์ ขาดความน่าเชื่อถือ ถูกมองว่าเป็นการปกป้องพวกพ้อง รู้สึกผิดหวังร้อยละ 22.13 เห็นว่าค่อนข้างมีผล เพราะแสดงให้เห็นถึงการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ยังมีปัญหาเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และร้อยละ 21.26 เห็นว่าไม่ค่อยมีผล เพราะการทุจริตเป็นปัญหาที่ฝังรากลึก มีมานาน ทุกรัฐบาลประสบปัญหา ไม่คาดหวังในการแก้ปัญหาการทุจริตอยู่แล้ว แต่เมื่อถามว่าประชาชนคิดว่ารัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จะแก้ปัญหาการทุจริตได้หรือไม่ พบว่า ร้อยละ 56.61 เห็นว่าแก้ไขไม่ได้ เพราะที่ผ่านมามีหลายคดีที่เงียบหายไป ไม่สามารถเอาผิดได้ เป็นปัญหาเรื้อรัง ร้อยละ23.42 เห็นว่าไม่แน่ใจ เพราะต้องใช้เวลาในการแก้ปัญหา ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน และร้อยละ 19.97 เห็นว่าแก้ไขได้ เพราะรัฐบาลคสช.มีอำนาจพิเศษสามารถแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว

 

เสียงสะท้อนของประชาชนเพียงแค่พันกว่าคนและระยะเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ถึงจะเป็นเพียงเล็กน้อย แต่ก็สื่อถึงรัฐบาลได้ชัดเจนว่าสังคมกำลังจับตามองและเรียกร้องให้รัฐบาลจัดการปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นการจริงจัง ไม่เพียงแค่จับปลาซิวปลาสร้อย แต่ต้องขยายผลไปยังผู้มีอำนาจระดับสูงที่อยู่เบื้องหลังคอยแทะเล็มผลประโยชน์หล่านี้ ที่สำคัญมันเป็นเรื่องสะเทือนใจคนทั้งประเทศเมื่อคนในระบบที่ใกล้ชิดคนยากคนจนมากที่สุดกลับมาหาประโยชน์จากคนจนไร้ที่พึ่งที่เป็นกลุ่มชนชั้นที่ยากจนที่สุดในสังคม และเมื่อตรวจสอบลึกลงไปดูเหมือนจะลามไปสู่โครงการช่วยเหลืออื่นๆ ในอีกหลายกระทรวง เป็นภาพสะท้อนวิกฤติคอร์รัปชั่นที่รุนแรงที่สุดอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งไม่เพียงแค่ปัญหาในเชิงบุคคลเท่านั้นแต่สะท้อนไปถึงความโหดร้ายของระบบด้วย จึงต้องเข้าสู่การปฏิรูปราชการอย่างจริงจังเสียที มิเช่นนั้นแล้วคงเป็นเรื่องยากที่จะเริ่มเห็นรูปธรรมความสำเร็จด้านปราบโกงของรัฐบาล

 
 

 

 

 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

#ACTองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน

 

Follow LINE: http://bit.ly/2luX9Dt
Follow Facebook: http://bit.ly/2z1Dxvw